เช่าคุ้มกว่าซื้อจริงไหม ? ทำไมคนยุคใหม่ถึงเลือกเช่าบ้านอยู่แทนที่จะเป็นเจ้าของ

การมี ‘บ้าน’ สักหลังเป็นของตัวเองคือความฝันในชีวิตของใครหลายคน 

บ้านที่เป็นของเรานั้นทำให้รู้สึกปลอดภัย อุ่นใจ เวลาได้อยู่อาศัย ยิ่งไปกว่านั้นบ้านยังเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการประสบความสำเร็จในชีวิต ถึงกับเป็นส่วนหนึ่งในความฝันแบบ American Dream ของผู้คนส่วนใหญ่ในศตวรรษที่ 20 อีกด้วย

แต่ปัจจุบันอาจไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อความคิดของคนรุ่นใหม่เริ่มเปลี่ยนไป ผลสำรวจของ Freddie Mac บริษัทจำนองสินเชื่อบ้านของรัฐบาลกลางสหรัฐสำรวจพบว่าคน Gen Z ประมาณหนึ่งในสามรู้สึกว่าชีวิตนี้พวกเขาคงไม่สามารถซื้อบ้านได้ 

ในปี 2022 คน Gen Z ในสหรัฐอเมริกาเช่าบ้านอยู่ถึง 5.4 ล้านครัวเรือน และคาดว่าในปี 2030 คนกลุ่มนี้จะเป็นประชากรที่เช่าบ้านเยอะที่สุดในอเมริกา ความฝันอยากมีบ้านสักหลังไปอยู่ที่ไหน เหตุใดคนรุ่นใหม่ถึงเลือกที่จะเช่าบ้านอยู่อาศัยแทนที่จะซื้อ ?

ดอกเบี้ยบ้านบานเบอะ

การมีบ้านสักหลังจึงเป็นเรื่องยาก

ปัจจัยทางเศรษฐกิจเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้คนรุ่นใหม่ไม่ซื้อบ้าน เมื่อดอกเบี้ยสูงขึ้นการซื้อบ้านก็เป็นเรื่องยากมากขึ้น 

ในประเทศไทยเองเมื่อเกิดภาวะเงินเฟ้อ ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้น เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินไม่ให้ผันผวน นั่นทำให้คนกู้เงินซื้อบ้านเจ็บหนัก เพราะต้องจ่ายเงินค่าดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ในขณะที่รายได้ขั้นต่ำไม่ได้สูงขึ้นตามไปด้วย ข้อมูลจากบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) อัปเดตในไตรมาสที่ 3 ปี 2566 พบว่าคนไทยผ่อนบ้านไม่ไหวพุ่งถึง 37.2% เป็นมูลค่ากว่า 1.3 แสนล้านบาท 

หากลองสังเกตดูจะพบว่าคนรุ่นใหม่นั้นสร้างเนื้อ สร้างตัวได้ยากกว่าคนรุ่นพ่อ แม่ (Gen X, Baby Boomer) กว่าจะเก็บเงินได้สักก้อนนั้นใช้เวลานาน และนั่นก็ส่งผลให้แต่งงาน สร้างครอบครัวช้าตามไปด้วย เศรษฐกิจที่ผันผวนทำให้ไลฟ์สไตล์ของคนเปลี่ยน และเลือกเดินทางที่ต่างออกไป ค้นพบไลฟ์สไตล์ใหม่ที่ตอบโจทย์ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ 

ไลฟ์สไตล์ใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องมี ‘บ้าน’

‘คนโสด’ อาจไม่มีความจำเป็นต้องซื้อบ้านเท่ากับคนมีครอบครัว เมื่อคนรุ่นใหม่ไม่นิยมสร้างครอบครัวหรือมีความสัมพันธ์แบบ DINKs (Double Income, No Kids) มีคู่แต่ไม่มีลูก ความต้องการซื้อบ้านสักหลังเพื่อลงหลักปักฐานอยู่กันเป็นครอบครัวก็น้อยลงไปด้วย

เมื่อการแต่งงานไม่ใช่เรื่องสำคัญและการเก็บเงินซื้อบ้านก็เป็นเรื่องเกินเอื้อมถึง จึงเกิดไลฟ์สไตล์ใหม่ขึ้นมา เช่น ในเกาหลีใต้มีไลฟ์สไตล์ที่เรียกว่า ชิบัลบิยอง (Shibal Biyong) คนหนุ่มสาวเลือกที่จะใช้เงินไปกับการปรนเปรอตัวเอง หาความสุขใส่ตัว ใช้ของแพง ๆ กินอาหารดี ๆ ใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีความสุขที่สุด ซึ่งพวกเขาเหล่านี้มักจะไม่ยอมเป็นหนี้ก้อนโตเพื่อซื้อบ้าน แต่ต้องการอิสระทางการเงิน ส่วนใหญ่เลือกที่จะอาศัยอยู่กับครอบครัวหรือเช่าอะพาร์ตเมนต์ ซึ่งทำให้ประหยัดเงินได้มากกว่า มีเงินเหลือสำหรับหาความสุขใส่ตัวได้อย่างเต็มที่

เช่าดีกว่าซื้อจริงหรือ ?

การซื้อบ้านและเช่าบ้านมีข้อดีและข้อจำกัดแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่ที่ว่าเป้าหมายชีวิตของเราเป็นแบบไหน

การซื้อบ้านสักหลัง ในระยะยาวก็เป็นเรื่องดี เหมาะสำหรับคนที่ชีวิตและการงานมั่นคง ต้องการตั้งถิ่นฐานอยู่เป็นหลักแหล่ง โดยเฉพาะครอบครัวที่มีลูก ๆ มักจะเลือกบ้านที่อยู่ใกล้โรงเรียน เดินทางง่าย อำนวยความสะดวกให้กับทุกคนในครอบครัว หากคิดสร้างครอบครัว การมีบ้านของตัวเองจะทำให้คล่องตัวและสะดวกสบายกว่าอย่างแน่นอน

นอกจากนี้การมีบ้านของตัวเองยังมีอิสระในการปรับเปลี่ยนต่อเติมได้ตามใจ เพราะมีกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของบ้านซึ่งต่างจากเช่าที่สินทรัพย์เป็นของคนอื่น ยิ่งไปกว่านั้นบ้านเป็นทรัพย์สินที่มักจะมาพร้อมกับที่ดิน ซึ่งโดยปกติที่ดินจะมีมูลค่าสูงขึ้นตามกาลเวลา ยิ่งบางแห่งอยู่ในทำเลดี ๆ มูลค่าที่ดินอาจเพิ่มสูงขึ้นอย่างมหาศาล หากตัดสินใจขายก็จะทำให้ได้รับส่วนต่างมูลค่าที่เพิ่มสูงขึ้น (Capital Gain) ตามไปด้วย

การเป็นเจ้าของบ้านในปัจจุบันนั้น แม้จะต้องต่อสู้กับอัตราดอกเบี้ยมหาโหด แต่ก็ยังมีวิธีมากมายในการช่วยให้ปิดยอดการผ่อนบ้านได้อย่างรวดเร็ว เช่น ผ่อนเกินค่างวด, ขอลดดอกเบี้ยกับธนาคารเดิม (Retention), โปะบ้านตอนดอกเบี้ยลด และอีกวิธีที่กำลังมาแรงคือ ‘การรีไฟแนนซ์’

รีไฟแนนซ์ (Refinance) คือ การเปลี่ยนสินเชื่อจากธนาคารเดิมที่เคยผ่อนไปยังธนาคารใหม่ ทำให้ได้รับอัตราดอกเบี้ยถูกลง โดยปกติแล้วแต่ละธนาคารจะมีโปรโมชันดอกเบี้ยถูก 3 ปีแรก หลังจากนั้นจะปรับขึ้นในอัตราปกติ หากรีไฟแนนซ์ทุกครั้งที่ครบ 3 ปีตามโปรโมชัน หรือครบสัญญาการผ่อน ก็จะทำให้ได้รับดอกเบี้ยที่ถูกลง เงินต้นค่อย ๆ ลดลง และปิดบ้านได้ไวขึ้น อย่างไรก็ตามการรีไฟแนนซ์ต้องไม่ลืมคำนวณค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ควบคู่ไปด้วย เช่น ค่าธรรมเนียมในการขอสินเชื่อใหม่ ค่าจดจำนองที่ดิน ค่าอากรแสตมป์ หรือค่าบริการอื่น ๆ

ข้อดีของ ‘การเช่าบ้านอยู่’

หากใครที่รักอิสระและไม่อยากกู้เงินก้อนโต การเช่าบ้านก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีไม่แพ้กัน

อยู่ใจกลางเมืองได้ในราคาที่ถูกกว่า บ้านยิ่งอยู่กลางเมือง ยิ่งราคาสูงเกินเอื้อมถึง แม้ค่าเช่าจะสูง แต่ถูกกว่าการผ่อนอย่างแน่นอน การเช่าจึงตอบโจทย์มากกว่าสำหรับคนที่อยากอาศัยในทำเลดี ๆ เดินทางง่าย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

ย้ายได้ทันทีที่ต้องการ การเช่าบ้านเหมาะกับคนรักอิสระ เพราะหากอยากย้ายที่อยู่ก็ย้ายได้เลยในระยะเวลาอันรวดเร็ว ไร้ซึ่งพันธะเบื้องหลัง ได้เปิดโอกาสให้ตัวเองเดินทางไปยังที่ใหม่ ๆ ได้ทำงานใหม่ ๆ โดยไม่ต้องกังวลกับเรื่องที่อยู่อาศัย นอกจากนี้หากเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจ ก็จัดสรรงบประมาณสำหรับที่อยู่อาศัยได้ทันท่วงที อาจย้ายไปอยู่ที่ที่ค่าเช่าถูกกว่าเพื่อเซฟเงินได้มากกว่า

ประหยัดค่าซ่อมบำรุงบ้าน บ้านหนึ่งหลังมีค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย โดยเฉพาะค่าซ่อมบำรุงประจำปี หรือค่าซ่อมแซมเมื่อมีส่วนไหนชำรุด การเช่าบ้านทำให้เราเป็นอิสระจากค่าใช้จ่ายเหล่านี้ ทำให้ประหยัดเงินไปได้อีกเยอะ 

เกษียณได้ไว ไม่มีหนี้ก้อนใหญ่ การไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ แม้จะไม่มีบ้านที่เป็นของตัวเอง แต่ก็แลกมาด้วยอิสระทางการเงิน บางคนสามารถเก็บเงินได้ไวและเกษียณได้เร็วขึ้นเมื่อไม่ต้องผ่อนบ้านด้วยเงินก้อนโตในแต่ละเดือน ยิ่งไปกว่านั้นอิสระทางการเงินยังนำมาซึ่งอิสระในการทำตามเป้าหมายอื่น ๆ ในชีวิต 

การเช่าบ้านถึงเป็นเทรนด์ที่กำลังมาแรง ที่ตอบโจทย์ชีวิตอิสระที่ใคร ๆ ใฝ่ฝัน

คุณล่ะ จะเลือก เช่าบ้าน หรือ ซื้อบ้าน ?

อ้างอิง 

• Jessica Dickler. The ‘rent-first’ lifestyle is catching on. From cars to clothes and even caskets, here’s when it makes sense to buy vs. rent. https://bit.ly/3B58pgG
• Adam Barnes. More than half of Gen Z says renting is a better option than buying a home. https://bit.ly/4e6PBfs
• Christopher Murray. Renting is slightly cheaper than buying, pushing Gen Z to rent more often than buy. https://bit.ly/3MACS9d
• Tres Seippel. Why Generation Z Is Leaning Into the Renting Lifestyle. https://bit.ly/3zjU7bx
• Amanda C. Haury. 10 Reasons Why Renting Could Be Better Than Buying. https://bit.ly/4dPjHnU