

ใบไหนดี ? วิธีเลือก ‘กระเป๋าแบรนด์เนม’ ที่คุ้มค่า แถมรีเซลได้ราคาดีกว่าหุ้น
Wealth / Money
07 Mar 2023 - 6 mins read
Wealth / Money
SHARE
07 Mar 2023 - 6 mins read
‘กระเป๋าแบรนด์เนมใบสวย’ นอกจากจะเป็นแฟชั่นไอเทมให้ผู้หญิงซื้อมาใช้ตามความชอบส่วนตัวแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยสร้างเม็ดเงินหรือผลตอบแทนให้เจ้าของได้ด้วย
เพราะกระเป๋าแบรนด์เนมแต่ละใบ นับเป็นของที่มีมูลค่าสูงเช่นเดียวกับนาฬิกาข้อมือ เครื่องประดับ รองเท้ารุ่นลิมิเต็ด หรือแม้แต่บรรดาของสะสมที่สร้างสรรค์โดยศิลปินชื่อดัง อย่างงานศิลปะและอาร์ตทอย แล้วของที่มีมูลค่าสูงเหล่านี้ ก็มักจะถูกผลิตออกมาน้อยชิ้น สวนทางกับความต้องการของผู้คนมากมายที่อยากได้มาครอบครอง
ตรงจุดนี้เอง ไม่เพียงช่วยตอกย้ำถึงความพิเศษและความหรูหราให้ของชิ้นนั้น แต่ยังถือเป็นโอกาสดีสำหรับใครก็ตามที่สนใจซื้อของมูลค่าสูงมาใช้ก่อนปล่อยขาย หรือไม่ก็ซื้อเก็บไว้เก็งกำไรตั้งแต่แรก โดยเฉพาะ ‘กระเป๋าแบรนด์เนม’
ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่า กระเป๋าแบรนด์เนมทุกใบจะให้ผลตอบแทนดีเหมือนกันหมด เพราะการลงทุนกับกระเป๋าแบรนด์เนม ไม่แตกต่างจากการลงทุนทั่วไปที่มีความเสี่ยงให้ต้องระวังอยู่บ้าง แต่ถ้าหากจับจุดได้ ดูรุ่นของกระเป๋าเป็น และรู้ความต้องการของตลาดกระเป๋าแบรนด์เนม ก็ถือว่ามีชัยไปกว่าครึ่ง
ส่วนมือใหม่ที่สนใจจะเข้ามาอยู่ในสนามลงทุนกับกระเป๋าแบรนด์เนมบ้าง ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะบทความนี้จะเผยข้อควรรู้พร้อมวิธีเลือกกระเป๋าแบรนด์เนมที่คุ้มค่าสำหรับซื้อมาใช้ แถมรีเซลได้ราคาดี ไว้เป็นแนวทางให้ศึกษาก่อนตัดสินใจลงทุน
รู้ที่มาของราคากระเป๋า
กระเป๋าแบรนด์เนมหนึ่งใบ ทำไมถึงราคาสูง ? นี่คือคำถามที่หลายคนมักจะสงสัยตรงกัน เมื่อรู้ราคาขายที่แต่ละแบรนด์ตั้งไว้
แต่ราคาที่สูง บอกให้รู้ได้มากกว่าความแพง เพราะที่มาของราคาขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เริ่มด้วยค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุน อย่างค่าวัสดุ ค่าแรงหรือค่าจ้างช่างฝีมือตลอดกระบวนการผลิต เพราะกระเป๋าแบรนด์เนมเป็นงานแฮนด์เมดที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะจากช่างฝีมือมากประสบการณ์
เช่น กระเป๋าบางรุ่นของ Louis Vuitton เฉพาะขั้นตอนขึ้นโครง ต้องใช้เวลา 8 วัน และอาศัยช่างฝีมือถึง 30 คน หรือกระเป๋ารุ่น Birkin ของ Hermès ทำโดยช่างฝีมือคนเดียวในทุกขั้นตอน ซึ่งใช้เวลาทำรวม 48 ชั่วโมง โดยมีกฎเหล็กว่า ช่างที่ทำต้องผ่านการฝึกฝนใหม่กับ Hermès โดยตรง และใช้เวลาเรียนรู้ 5 ปี เพื่อผลิตกระเป๋าได้สมบูรณ์แบบที่สุด
กระเป๋ารุ่น Birkin 3-en-1 ของ Hermès
รวมกับค่าจิปาถะ อย่างค่าใช้จ่ายด้านการตลาด เช่น ค่าโฆษณา ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และเปอร์เซ็นต์กำไร โดยแต่ละแบรนด์ต่างก็มีหลักเกณฑ์การตั้งราคาขายเป็นของตัวเอง ทำให้ราคากระเป๋าปรับสูงขึ้นทุกปี
หากตีเป็นเงินบาท ราคากระเป๋ารุ่น Birkin ของ Hermès ที่วางขายในช็อป จะมีราคาอยู่ในช่วงระหว่างหลักแสนบาทถึงหลักล้านบาท ขึ้นอยู่กับขนาดและวัสดุที่ใช้ทำ ซึ่งราคาของกระเป๋าทุกใบจะปรับเพิ่มขึ้นทุกปีราว 14.2% เป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์ที่สร้างกำไรหรือผลตอบแทนได้สูงกว่าหุ้นและทองคำด้วยซ้ำ และการันตีได้ในระดับหนึ่งว่า ราคาไม่ตก
วิธีที่แนะนำ: การลงทุนกับกระเป๋าแบรนด์เนมจำเป็นต้องใช้เงินทุน เพราะเป็นของหรูหราราคาสูง แต่ก็มีความเป็นไปได้สูงว่า จะให้ผลตอบแทนสูงกลับคืนมาเช่นเดียวกัน แนะนำให้เลือกซื้อกระเป๋าที่มีราคาตั้งแต่หลักหมื่นปลาย ๆ จนถึงหลักแสนกลาง ๆ เพราะเป็นราคาที่ซื้อง่ายขายต่อคล่องที่สุด เนื่องจากเป็นช่วงราคาที่ไม่ได้สูงจนเกินไป โอกาสที่รีเซลได้จึงมีมากกว่ากระเป๋าราคาหลักล้าน
รู้เรื่องราวของแบรนด์เนม
ความเก่าหรืออายุของแบรนด์ที่ก่อตั้งก่อน อย่าง Hermès (ก่อตั้งปี 1837), Louis Vuitton (ก่อตั้งปี 1854), Chanel (ก่อตั้งปี 1909), Prada (ก่อตั้งปี 1913), Gucci (ก่อตั้งปี 1921), Dior (ก่อตั้งปี 1946)
กระเป๋ารุ่น Speedy Bandoulière 25 ของ Louis Vuitton
อายุที่มากกว่าบ่งบอกถึงความเก๋าและความเป็นตัวจริงเรื่องกระเป๋าได้ เพราะแบรนด์เหล่านี้ทั้งบุกเบิกและสั่งสมประสบการณ์ด้านการผลิตกระเป๋ามาอย่างยาวนาน แต่ละแบรนด์ต่างมีวิธีคิดและมีความรู้เพื่อใช้ผลิตกระเป๋าให้มีรูปร่างลักษณะที่โดดเด่นเฉพาะตน กลายเป็น Iconic Bags หรือกระเป๋าที่สร้างภาพจำและตัวตนให้กับแบรนด์ที่เห็นแล้วรู้ทันทีว่าเป็นกระเป๋าของแบรนด์ใด ในวงการเรียกแบรนด์กลุ่มนี้รวมกันว่า Luxury Brands หรือ Hi-End
เช่น กระเป๋ารุ่น Kelly ของ Hermès, กระเป๋ารุ่น Speedy และรุ่น Neverfull ของ Louis Vuitton, กระเป๋ารุ่น 2.55 และรุ่น Boy Bag ของ Chanel, กระเป๋ารุ่น Lady Dior ของ Dior
กระเป๋ารุ่น Lady Dior ของ Dior
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้มองข้ามแบรนด์ใหม่ที่มีอายุน้อยกว่าไปเลย เพราะบางแบรนด์ที่เกิดใหม่ ถึงจะไม่มีประวัติของแบรนด์ที่ยาวนานเท่า แต่กลับโดดเด่นด้วยผลงาน จนทำให้เป็นที่ยอมรับในวงการกระเป๋าแบรนด์เนมในเวลาอันสั้น เน้นเจาะกลุ่มลูกค้ารุ่นใหม่มากกว่า ในวงการเรียกแบรนด์กลุ่มนี้ว่า High Street Brand หรือ Hi-Street
เช่น กระเป๋าของ Telfar (ก่อตั้งปี 2005), กระเป๋าของ BOYY (ก่อตั้งปี 2006), กระเป๋ารุ่น Bao Bao ของแบรนด์ Issey Miyake ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2000
วิธีที่แนะนำ: ให้ตั้งต้นจากกระเป๋าในกลุ่ม Luxury Brands หรือ Hi-End เพราะคงความคลาสสิกที่อยู่เหนือกาลเวลา โดยเฉพาะ Iconic Bags ของแต่ละแบรนด์ คือ กระเป๋าที่ไม่เคยตกยุคหรือตกรุ่น การันตีได้ว่าเป็นกระเป๋าใบเก่งที่ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยต่างก็ใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าของสักใบ ช่วยเพิ่มความมั่นใจว่าสามารถนำไปรีเซลได้มากกว่ารุ่นอื่น
รู้ทันกระแสความนิยม
หากสนใจลงทุนกับกระเป๋าแบรนด์เนม จำเป็นต้องหูไวตาไวสักหน่อย คอยติดตามเทรนด์ในโลกแฟชั่นและวงการบันเทิง เพราะหลายครั้งที่ผ่านมา เห็นได้ชัดเจนว่า คนสำคัญที่ปลุกกระแสความนิยมชมชอบในกระเป๋าแบรนด์เนมสักรุ่นให้เกิดขึ้นได้ คือ เหล่าคนดังที่เลือกใช้กระเป๋าแบรนด์เนมรุ่นนั้นออกสื่อ เมื่อคนเห็นเข้าจึงอยากใช้ตามบ้าง ความต้องการในกระเป๋ารุ่นนั้นจึงพุ่งสูงขึ้นทันที ส่วนมากมักเกิดกับแบรนด์กลุ่ม High Street Brand เช่น กระเป๋ารุ่น COS QUILTED ของ COS
กระเป๋ารุ่น COS QUILTED ของ COS
แต่กระแสความนิยมลักษณะนี้ค่อนข้างฉาบฉวย เพราะเกิดขึ้นเร็ว คงอยู่ในช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนจะคลายความนิยมลง ไม่ได้คงอยู่ยาวไปตลอดเหมือน Iconic Bags
อีกปัจจัยที่เป็นตัวเร่งให้ความนิยมหมดไปในท้ายที่สุด คือ ตัวแบรนด์เอง หากแบรนด์เห็นว่าเป็นกระเป๋าที่คนต้องการสูง ใครก็อยากซื้อมาเป็นเจ้าของ แล้วไม่อยากพลาดรายได้ตรงนี้ไป แบรนด์จึงเร่งผลิตกระเป๋าออกมาเพิ่มเป็นจำนวนมาก ภาพความหรูหราของกระเป๋าใบนั้นจึงไม่เกิดขึ้น เพราะไม่ใช่กระเป๋าที่ต้องใช้เวลาและความประณีตอย่างที่ Luxury Brands ให้ความสำคัญ
สำหรับกระเป๋าในกลุ่ม Hi-End ที่น่าสนใจลงทุน คือ กระเป๋ารุ่นพิเศษในโอกาสพิเศษ อย่าง รุ่น Limited Edition และรุ่นที่ร่วมมือกันออกแบบกับต่างแบรนด์ ซึ่งคนทั่วไปมักเรียกกันติดปากว่า เอ็กซ์ (x) หรือ คอลแลปส์ มาจากคำว่า Collaboration ระหว่างสองแบรนด์
เช่น กระเป๋าที่แบรนด์ Louis Vuitton ร่วมมือกับแบรนด์ Supreme, กระเป๋าที่แบรนด์ Loewe ร่วมมือกับ Spirited Away ภาพยนตร์แอนิเมชันรางวัลออสการ์จาก Studio Ghibli
กระเป๋า Loewe x Spirited Away
วิธีที่แนะนำ: ด้วยข้อจำกัดเรื่องระยะเวลาความนิยม ที่เกิดขึ้นเร็วและจบลงเร็ว จึงควรซื้อขายในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เกิดกระแส หากพ้นจากช่วงนี้ไปแล้ว ราคาจะตกทันที สำหรับกระเป๋ามือหนึ่ง สามารถทำกำไรได้แน่นอน บางครั้งอาจรีเซลได้ราคาสูงถึงหนึ่งเท่าตัวจากราคาขายในช็อป ขึ้นอยู่กับว่าคนต้องการกันมากแค่ไหน ยิ่งต้องการมาก แต่ของมีจำกัด ราคาจะยิ่งพุ่งขึ้น ส่วนกระเป๋าที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว ราคาจะตกลงต่ำกว่าราคาจากช็อปทันที เพราะคนซื้อมักมองหากระเป๋าใหม่มากกว่า
รู้จักแหล่งซื้อง่ายขายคล่อง
ขึ้นชื่อว่ากระเป๋าแบรนด์เนมที่ใครก็อยากเป็นเจ้าของ ถึงแม้จะมีเงิน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะได้มาครอบครองอย่างใจคิด เพราะการเข้าถึงแหล่งซื้อก็มีเทคนิคที่ควรรู้อยู่บ้าง ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสและความสะดวกให้ได้กระเป๋าแบรนด์เนมใบนั้นมา
ก่อนอื่น หากอยู่ในแวดวงคนรู้จักที่ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมจากช็อปเป็นปกติอยู่แล้วก็อุ่นใจได้เลย แค่ขอ Contact กับพนักงานขายประจำร้านหรือสาขานั้น แต่ส่วนใหญ่คนซื้อด้วยกันเองจะแนะนำให้พนักงานขายเป็นฝ่ายติดต่อลูกค้าคนใหม่ไปแทน ซึ่งพนักงานคนนี้จะดูแลลูกค้าคนนั้นไปตลอด จนกว่าลูกค้าจะเป็นฝ่ายขอเปลี่ยนพนักงานคนใหม่
สาเหตุที่ต้องมีพนักงานขายประจำตัว เพราะคนซื้อสามารถติดต่อสอบถามความเคลื่อนไหวของกระเป๋าแบรนด์เนมได้ตามความต้องการ ทำให้รู้ว่าเมื่อไหร่กระเป๋าจะเข้าช็อป จะได้นัดหมายเข้ามาดูรายละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อ
สำหรับการขาย มีให้เลือกหลากหลายช่องทางตามความสะดวก ทั้งลงขายเองตามกลุ่มในสังคมออนไลน์ เป็นพื้นที่ที่ให้ผู้ซื้อและผู้ขายได้พูดคุยถึงรายละเอียดของกระเป๋าแบรนด์เนมและราคากันโดยตรง หากไม่สะดวกขายเอง สามารถฝากกับร้านค้าหรือเว็บไซต์ที่ยินดีรับกระเป๋าแบรนด์เนมมาขายให้แทน โดยแต่ละที่จะกำหนดเงื่อนไขและค่าใช้จ่ายต่างกัน จึงจำเป็นต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนทุกครั้ง
วิธีที่แนะนำ: หากยังใหม่ในสนามการลงทุนกับกระเป๋าแบรนด์เนมมาก และยังไม่มีประสบการณ์ซื้อกระเป๋าจากช็อป ให้ติดต่อไปยังฝ่ายดูแลลูกค้าของแต่ละแบรนด์ จากนั้นทางแบรนด์จะจัดการให้พนักงานขายติดต่อกลับมาสอบถามความต้องการและพร้อมดูแลจนปิดการขาย ส่วนแหล่งขายต่อให้พิจารณาตามความสะดวกของตัวเองเป็นสำคัญ แล้วเลือกช่องทางนั้น
ทั้งหมดนี้คือข้อควรรู้และวิธีที่แนะนำเกี่ยวกับการลงทุนกับกระเป๋าแบรนด์เนม ซึ่งเป็นหนึ่งใน การลงทุนทางเลือก (Alternative Investment) นอกเหนือไปจาก สินทรัพย์พื้นฐาน (Traditional Assets) เพราะไม่ได้ซื้อขายเป็นวงกว้างอยู่ในตลาดทุนเหมือนหุ้น พันธบัตร และกองทุน
แม้การลงทุนกับกระเป๋าแบรนด์เนมจะให้ผลตอบแทนดี แต่มีข้อควรระวังสำคัญคือ การแยกระหว่างของแท้และของเลียนแบบ ถ้ายังไม่แน่ใจหรือไม่เชี่ยวชาญมากพอให้ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมจากช็อป หากซื้อต่อมือสองหรือต้องการขาย ให้ส่งกระเป๋าแบรนด์เนมไปตรวจกับช็อปหรือบริการตรวจพิสูจน์ที่ออกใบรับรองให้ได้ เพื่อความสบายใจทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ
อ้างอิง
- Anthony Brewer. Luxury and Economic Development: David Hume and Adam Smith. https://bit.ly/3XTnU1e
- Charles Gorra. 6 designer bags that are ‘actually worth the money’—and ones you may ‘regret’ buying: Shopping expert. https://cnb.cx/3KFfs2m
- Emily Selter. 11 Things You Didn’t Know About Birkins. https://bit.ly/3IN0YMz
- Remi Bouvier d'Yvoire. Louis Vuitton: Luxury handbags coming off an assembly line?. https://bit.ly/3IQ3qCh
- Sean Farrell. Bagging a return – why the Hermes Birkin handbag is the best investment. https://bit.ly/3IPoglh