

เที่ยว 'ฮ่องกง' ในแบบที่คนโสดก็สนุกได้ แจกพิกัดกิน ช้อป ไหว้พระ เอาใจนักเดินทางทุกสาย
Travel / World
21 Feb 2024 - 10 mins read
Travel / World
SHARE
21 Feb 2024 - 10 mins read
ฮ่องกงเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวไทย เดินทางสะดวก อากาศดี และมีกิจกรรมให้ทำหลากหลาย ใครอยากวางแผนเดินทางไปเที่ยวฮ่องกงคนเดียวจึงทำได้สบาย ๆ สามารถเดินทางได้ทันทีเพราะไม่ต้องขอวีซ่า อีกทั้งการเดินทางในฮ่องกงยังสะดวก เพราะมีเครือข่ายรถไฟฟ้าทั่วทั้งเกาะ เที่ยวสนุก แถมยังปลอดภัยอีกด้วย
ถึงจะเป็นเดือนหวาน ๆ แบบนี้ แต่ไปดูกันว่าคนโสดสามารถสนุกกับกิจกรรมอะไรที่ฮ่องกงได้บ้าง LIVE TO LIFE มัดรวมมาให้แล้วทั้งกิน ชิล ช้อป และไหว้พระเอาใจสายมู ที่หากทำตามเคล็ดลับที่แนะนำ เผลอ ๆ กลับมาถึงเมืองไทยอาจได้เจอคู่ครองเป็นของฝากจากทริปนี้ก็ได้
อิ่มอร่อยกับ 3 ร้านเด็ดสไตล์ฮ่องกง
ฮ่องกงถือเป็นเขตปกครองพิเศษทางด้านอาหารก็ว่าได้ เพราะอุดมไปด้วยเมนูอร่อยหลากหลายครบทุกสไตล์ ขอบเขตความอร่อยของอาหารฮ่องกงนั้น อร่อยกันตั้งแต่สตรีทฟู้ดไปจนถึงร้านประดับดาวมิชลิน LIVE TO LIFE ขอคัดสรรร้านเด็ดเมนูดังที่การันตีว่าหากได้อิ่มอร่อยตามพิกัดดังต่อไปนี้ ถือว่าได้ไป ‘ถึง’ ฮ่องกงแล้วจริง ๆ
Mido Cafe
เริ่มกันที่ Mido Cafe คอฟฟี่ช็อปสไตล์ดั้งเดิมของฮ่องกงที่เรียกกันว่า Cha Chaan Teng (ฉ่าชานเทง) เปิดให้บริการความอร่อยมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1950 และยังคงบรรยากาศดั้งเดิมเหมือนในวันแรกที่เปิดทำการ เช่นเดียวกับเมนูอาหารที่รักษามาตรฐานความอร่อยไว้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะจานเด็ดซิกเนเจอร์ทั้งหลาย ได้แก่ เฟรนช์โทสต์ ข้าวหมูอบซอสมะเขือเทศนมสด ที่ต้องสั่งชานมมากินคู่กันเพื่อให้เข้าถึงรสชาติที่แท้จริงของมิโดคาเฟ่
เฟรนช์โทสต์ชุ่มเนยจานเด็ดของ Mido Cafe
Mido Café
เปิดบริการ : เวลา 11.30 – 20.30 น. ปิดวันพุธ
การเดินทาง : สถานี Yau Ma Tei ทางออก C
Luk On Kui
ใครอยากลิ้มรสติ่มซำขนานแท้ขวัญใจคนฮ่องกง ต้องไปที่ร้าน Luk On Kui (หรือในชื่อเดิม Lin Heung Kui) ต้นกำเนิดของร้านอยู่ที่เมืองกวางโจว ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1889 ก่อนจะย้ายมาเปิดที่ฮ่องกงในปี ค.ศ. 1926 ให้บริการความอร่อยตั้งแต่เช้าตรู่จนถึง 5 ทุ่ม โดยในช่วงเช้าจะเด่นเรื่องเมนูติ่มซำที่ให้บริการผ่านรถเข็น ซึ่งแนะนำให้ไปถึงร้านก่อน 8 โมงเช้า มิเช่นนั้นอาจไม่มีที่นั่ง ส่วนมื้อค่ำเป็นอาหารจีนท้องถิ่นที่การันตีว่าอร่อยเด็ดทุกเมนู เช่น เป็ดยัดไส้ หอยไม้ไผ่ ปลานึ่ง และหมูแดง
Luk On Kui
เปิดบริการ : ทุกวัน เวลา 06.00 - 15.30 น. (ชาและติ่มซำ) และเวลา 18.00 - 23.00 น.
การเดินทาง : MTR Sheung Wan ทางออก A2
หมู่บ้านชาวประมงหลี่หยุ่นหมุ่น
ใครชอบกินอาหารซีฟู้ด ห้ามพลาดการไปเยือน หลี่หยุ่นหมุ่น (Lei Yue Mun) หมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่อายุกว่า 150 ปี ชาวบ้านดั้งเดิมของที่นี่ใช้ชีวิตผูกพันกับการหาปลา ทำฟาร์ม และทำเหมือง จนกระทั่งถึงปัจจุบันก็ยังคงรักษาสถานะของการเป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในด้านแหล่งกินอาหารทะเลชั้นดี โดยยังมีบรรยากาศของหมู่บ้านชาวประมงแบบดั้งเดิมที่ด้านหน้าทางเข้าหมู่บ้านจะมีเรือประมงลำเล็กลำน้อยจอดเรียงราย ราวกับได้หลงยุคกลับไปสู่เมื่อร้อยปีที่แล้วอีกครั้ง
เมื่อเข้ามาด้านในหมู่บ้านจะพบกับทิวแถวของร้านอาหารเรียงราย แต่ละร้านโชว์ตู้ใส่อาหารทะเลตัวเป็น ๆ ไซส์ใหญ่ยักษ์นานาชนิด โดยวิธีสั่งอาหารของที่นี่จะให้ลูกค้าเลือกซื้อกุ้ง หอย ปู ปลา จากบ่อในร้านขายก่อน จากนั้นถึงค่อยนำปลาไปที่ร้านอาหารใกล้ ๆ เพื่อปรุงสดเป็นเมนูอร่อยหลากหลาย
หมู่บ้านชาวประมงหลี่หยุ่นหมุ่น
การเดินทาง : MTR สถานี Yau Tong ต่อรถบัสสาย 24 ลงท่าเรือเฟอร์รี่ Sam Ka Tsuen
ปักหมุด 3 วัดดัง พร้อมเคล็ดลับขอพรให้สมหวัง
หนึ่งในกิจกรรมที่หลายคนต้องทำเมื่อมาเที่ยวฮ่องกง คือ การไหว้พระสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อเสริมดวง ซึ่งเกาะเล็ก ๆ แห่งนี้เต็มไปด้วยวัดดังหลายแห่งที่หลอมรวมความเป็นพุทธ เต๋า และขงจื้อเข้าด้วยกัน จึงดึงดูดให้นักท่องเที่ยวชาวเอเชียที่นับถือศาสนาพุทธเดินทางมาสักการะขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเคารพนับถือเนืองแน่นตลอดทั้งปี
วัดพระใหญ่โป่หลิน
หนึ่งในสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่แทบจะถือเป็นสัญลักษณ์ประจำเกาะฮ่องกงก็ว่าได้ ได้แก่ องค์พระใหญ่เทียนถาน พระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ประทับกลางแจ้งบนยอดเขามุกเย่ (Muk Yue) แห่งเกาะลันตา ที่โดดเด่น สง่างาม และเปี่ยมด้วยความเมตตา ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความมั่นคงของฮ่องกง ความรุ่งเรืองของจีน และสันติภาพบนโลกใบนี้
องค์พระใหญ่เทียนถานนั้นได้แรงบันดาลใจมากจากพระพุทธรูปแห่งคามาคุระ หรือองค์หลวงพ่อไดบุทสึในญี่ปุ่น พระดำใหญ่แห่งเมืองจางฮว่าในไต้หวัน และหอสักการะฟ้าเทียนถานในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเรียกองค์พระใหญ่เทียนถานองค์นี้
ทั้งนี้ บริเวณใต้ฐานองค์พระเป็นที่ประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา องค์พระใหญ่เทียนถานใช้เวลาก่อสร้างนาน 3 ปี และมีพิธีสมโภชน์องค์พระใหญ่ในวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2536 นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา องค์พระใหญ่เทียนถานก็กลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนฮ่องกง
กระเช้าลอยฟ้านองปิง
การขึ้นไปสักการะองค์พระใหญ่สามารถทำได้สะดวกโดยนั่ง กระเช้าลอยฟ้านองปิง (Ngong Ping) จากใจกลางเมืองตุงชุงสู่เกาะลันเตา ด้วยระยะทางเกือบ 6 กิโลเมตรที่จะได้เพลิดเพลินกับการชมทิวทัศน์มุมสูงของอ่าวตุงซุง สนามบินฮ่องกง ทะเลจีนใต้แสนกว้างใหญ่ ความเขียวขจีของเกาะลันเตาที่มีทิวแถวของตึกระฟ้าและเมืองฮ่องกง โดยเฉพาะหากเลือกกระเช้าคริสตัลที่พื้นเป็นกระจกใส จะยิ่งได้สัมผัสทิวทัศน์สวยงามที่น่าตื่นเต้นไปในตัว
หมู่บ้านโบราณจำลอง
นั่งกระเช้าไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเดินทางไปถึงหมู่บ้านโบราณจำลองที่มีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายภาพ ร้านค้าให้ช้อปปิ้ง และคาเฟ่เสิร์ฟเครื่องดื่มดับกระหาย ก่อนจะเดินต่อไปยัง วัดพระใหญ่โป่หลิน (Polin Monastery) แล้วเดินขึ้นบันไดไป 268 ขั้นเพื่อสักการะขอพรองค์พระใหญ่
สำหรับเคล็ดลับในการไหว้พระใหญ่เทียนถานอยู่ที่ตำแหน่งที่จะส่งคำอธิษฐานไปยังองค์พระ ซึ่งจะอยู่ที่ลานวงกลมหน้าองค์พระใหญ่ โดยจุดศูนย์กลางจะเป็นวงกลมวงที่เล็กที่สุด ซึ่งถือเป็นจุดรับพลัง เวลาขอพรควรมองไปที่เนตรขององค์พระและเปล่งเสียงออกมาดัง ๆ เพราะเป็นจุดที่ทางฮวงจุ้ยได้คำนวณมาแล้วว่า เวลาขอพรจะมีเสียงสะท้อนก้องดังไปถึงสวรรค์นั่นเอง
องค์พระใหญ่เทียนถาน
จากนั้น หันหน้าเข้าหาองค์พระแล้วเดินไปทางฝั่งซ้ายมือของเรา เพื่อขอให้ท่านช่วยปัดเป่าสิ่งไม่ดี อุปสรรค และสิ่งอัปมงคลทั้งหลายไปจากชีวิต จากนั้นเดินกลับไปทางฝั่งขวา ณ ตำแหน่งมือที่วางบนเข่าขององค์พระ เพื่อรับพรที่ได้อธิษฐานจากด้านล่าง ตั้งจิตจดจ่อให้เป็นสมาธิจะสัมผัสได้ว่าองค์พระใหญ่ประทานพรผ่านปลายนิ้วของท่านมาสู่เราได้จริง เชื่อกันว่าใครได้ไปนมัสการขอพรพระใหญ่โป่หลิน ชีวิตจะพบเจอแต่ความสุขความเจริญสืบไป
วัดพระใหญ่โป่หลิน
เปิดบริการ : ทุกวัน เวลา 09.00 – 18.00 น. (สักการะองค์พระใหญ่โป่หลินได้ระหว่างเวลา 10.00 – 17.30 น.)
การเดินทาง : MTR สายสีส้ม สถานี Tung Chung ทางออก B ไปสถานีขึ้นกระเช้านองปิง
พิกัด : https://goo.gl/maps/9mkX33WbgQiERkEr6
จองตั๋วกระเช้าลอยฟ้านองปิง : www.np360.com.hk/th
วิหารหลักของวัดหวังต้าเซียน
อีกหนึ่งวัดที่คนไทยคุ้นเคยเป็นอย่างดี คือ วัดหว่องไทซิน หรือวัดหวังต้าเซียน ซึ่งมีความศักดิ์สิทธิ์ในหลากหลายด้าน เพราะมีเทพเจ้าหลายองค์ให้กราบไหว้ อาทิ เทพเจ้าหวังต้าเซียน เจ้าแม่กวนอิม ขงจื้อ และเทพเจ้าหยุคโหลว หรือเทพเจ้าแห่งความรัก ซึ่งถือเป็นแม่เหล็กประจำวัดแห่งนี้ก็ว่าได้
แต่ก่อนจะมุ่งหน้าไปคีบด้ายแดงมาพันนิ้ว แนะนำให้ไปไหว้พระที่วิหารหลักของวัดกันก่อน เริ่มจากจุดธูปสีทอง 6 ดอก ตั้งจิตอธิษฐานโดยหันหน้าออกไปทางหน้าวัด บอกฟ้าดินด้วยชื่อ นามสกุล ที่อยู่ ประเทศ จะมาขอพรกับเทพเจ้าหวังต้าเซียน ขอให้พรนี้สัมฤทธิ์ผล
จากนั้นหันหน้าเข้าหาวัด ตั้งสมาธิ ขอพร 1 ข้อที่ต้องการมากที่สุด โดยขอให้กับตัวเองเท่านั้น ไม่ขอให้คนอื่น และไม่ควรบนว่าเมื่อสัมฤทธิ์ผลแล้วจะมาถวายอะไร แค่บอกว่า หากสัมฤทธิ์ผลแล้วจะเดินทางมาขอบคุณด้วยตนเอง
เทพเจ้าหยุคโหลว หรือเทพเจ้าจันทรา
ไม่ไกลจากวิหารหลักเป็นที่ประดิษฐาน เทพเจ้าหยุคโหลว หรือ เทพเจ้าจันทรา องค์เทพที่ยืนถือสมุดเนื้อคู่อยู่ตรงกลางระหว่างเจ้าสาวที่ยืนอยู่ทางซ้าย และเจ้าบ่าวที่ยืนทางด้านขวา มีด้ายแดงผูกโยงไปยังองค์หยุคโหลว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดไหว้ขอพรหลักประจำวัดหวังต้าเซียนที่ดึงดูดคนโสดจากทั่วโลกให้มาขอพรให้พบเนื้อคู่ในเร็ววัน
เอกลักษณ์ของการไหว้เทพเจ้าหยุคโหลว คือ การคีบด้ายแดงไว้ในนิ้วมือขณะขอพร ซึ่งแม้จะมีป้ายแนะนำวิธีทำนิ้วสำหรับสอดด้ายแดงแสดงไว้บริเวณนั้น แต่แนะนำให้ซ้อมมือก่อนไปเพื่อความว่องไวในการขอพร
อธิษฐานขอคู่ด้วยด้ายแดง
วิธีคีบด้ายแดงเริ่มจากการเอานิ้วนางลงมาแตะนิ้วโป้งสองมือพร้อมกัน จากนั้น เอานิ้วก้อยมือขวาสอดรูของนิ้วนางและนิ้วโป้งข้างซ้าย และเอานิ้วก้อยซ้ายสอดรูของมือขวา แล้วเดินไปยังซุ้มด้ายแดง เอานิ้วชี้และนิ้วกลางที่ว่างอยู่หนีบด้ายขึ้นมาให้สองนิ้วของสองมือหนีบด้ายไว้ จากนั้นเดินไปที่หน้าเทพจันทรา บอกชื่อ นามสกุลของตัวเอง แล้วแจ้งความประสงค์ว่าจะมาขอเนื้อคู่ คำนับ 3 ครั้ง พึงระวังไม่ให้ด้ายแดงที่คีบไว้หลุดจากมือขณะขอพร
ลำดับถัดไป หากเป็นผู้หญิงมาขอคู่ ให้เริ่มไหว้ที่รูปปั้นเจ้าสาว อธิษฐานบอกเนื้อคู่ที่ต้องการ 3 ข้อ แล้วคำนับ 3 ครั้ง ก่อนเดินไปที่รูปปั้นเจ้าบ่าว อธิษฐานขอให้พบเนื้อคู่โดยเร็ววัน จากนั้นผูกด้ายแดงที่ฝั่งเจ้าบ่าว ลูบเท้า 3 ครั้งเป็นอันเสร็จพิธี สำหรับผู้ชายที่ไปไหว้ขอเนื้อคู่ก็ให้เริ่มจากรูปปั้นเจ้าบ่าวแล้วไปจบที่รูปปั้นเจ้าสาวตามขั้นตอนดังกล่าว
วัดหวังต้าเซียน
เปิดบริการ : ทุกวัน เวลา 07.00 – 17.00 น.
การเดินทาง : รถไฟ MTR สายสีเขียว สถานี Wong Tai Sin ทางออก B3
วัดเจ้าแม่กวนอิม
วัดอีกหนึ่งแห่งที่เป็นที่พึ่งด้านความรัก คือ วัดเจ้าแม่กวนอิม (Kwun Yam Temple) ที่อ่าวรีพัลส์เบย์ โดยเริ่มตั้งแต่สักการะขอพรเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมทะเล ซึ่งเชื่อกันว่าช่วยให้แคล้วคลาดจากอันตราย การเดินทางปลอดภัยราบรื่น
จากนั้น นมัสการ เทพไฉ่ซิงเอี๊ยะ หรือ เทพเจ้าแห่งโชคลาภเงินทอง โดยเคล็ดลับคือ ต้องลูบที่เคราของท่านไล่มาจนถึงถุงใส่เงิน แล้วเอามาใส่กระเป๋าของเราเอง เพื่อให้เงินทองไหลมาเทมา จากนั้นเดินข้ามสะพานต่ออายุ ที่เชื่อกันว่าถ้าเดินข้ามไปแล้วจะทำให้อายุยืนขึ้น 3 ปี
เทพเจ้าคู่ครอง
เมื่อข้ามสะพานต่ออายุมาแล้วจะเจอกับ เทพเจ้าคู่ครอง สังเกตได้จากสิงโตสองตัวขนาบซ้ายขวา โดยมีเคล็ดลับในการไหว้ที่แตกต่างกันออกไป สำหรับคนที่ไม่มีคู่และยังไม่เจอคนที่ถูกใจ ให้ใช้นิ้วมือเขียนชื่อตัวเองลงในสมุดที่เทพเจ้าแห่งความรักถืออยู่ เชื่อกันว่าท่านจะนำพาเนื้อคู่มาให้
ส่วนคนโสดที่แอบมีใครอยู่ในใจ ให้เอามือลูบที่บริเวณหินสีดำ และอธิษฐานให้สมหวังในความรักกับคนคนนั้น สุดท้ายสำหรับคนที่มีคู่แล้ว ให้นั่งระหว่างกลางของสิงโต หากมาด้วยกันให้นั่งด้วยกันแล้วอธิษฐานขอให้ชีวิตคู่ราบรื่น ครองรักกันไปนาน ๆ หากมาคนเดียวให้นึกถึงคู่ของเรา พร้อมอธิษฐานขอสิ่งดี ๆ
วัดเจ้าแม่กวนอิม
เปิดบริการ : ทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น.
การเดินทาง : MTR สายสีแดง สถานี Central ทางออก A ไปตึก Exchange Square ขึ้นรถบัสตระกูล 6 (สาย 6, 6A, 6X, 260) ลงที่ป้าย Repulse Bay Beach
พิกัด : https://goo.gl/maps/68tY3BdD6v32b2Sb7
เช็กอิน 3 พิกัดจัดแสดงงานศิลป์ร่วมสมัย
คนรักศิลปะห้ามพลาดการไปเยือน M+ Museum พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกง ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่ถมใหม่บนฝั่งเกาลูน (West Kowloon Cultural District) ที่รัฐบาลฮ่องกงตั้งใจให้เป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมใหม่ โดยเฉพาะเมื่อรวมกับ Palace Museum ที่อยู่ใกล้กัน
โถงภายใน M+ Museum
ความเท่ของ M+ ไม่เฉพาะหน้าตาโครงสร้างอาคารในแนว Minimalist ทั้งภายนอก และภายในซึ่งเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่เปิดโล่งตัดกับเส้นสายทั้งตรงและโค้งที่ช่วยขับเน้นให้ชิ้นงานศิลปะ รวมถึงภาพวาดและแบบจัดวางให้โดดเด่นทุกชิ้นเท่านั้น พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังมีแกลเลอรีมากถึง 33 ห้อง โรงภาพยนตร์ 3 แห่ง มีสวนสวยบนดาดฟ้า และเป็นที่ตั้งของศูนย์วิจัยมิวเซียม สำนักงาน ร้านอาหาร ห้องสมุด ร้านขายของที่ระลึก ฯลฯ ครบครันทุกสาระความรู้และความบันเทิง หลายคนที่มาเที่ยว M+ Museum ถึงเผลอตัวปล่อยใจอยู่ที่นี่ยาว ๆ ไปเลยทั้งวัน
LED Façade ภายนอก M+ Museum มองเห็นได้จากฝั่งอ่าววิกตอเรีย
แกลเลอรีส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณชั้นลอยขนาดใหญ่ของชั้นสอง ผู้เข้าชมสามารถเดินชมนิทรรศการต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกันได้อย่างลื่นไหล โดยมีการจัดแสดงผลงานจากฮ่องกง จีนแผ่นดินใหญ่ นอกจากนี้ยังมีผลงานของศิลปิน นักออกแบบ สถาปนิก ฯลฯ ชื่อดังทั้งในเอเชียและทั่วโลก มีทั้งงานทัศนศิลป์ การออกแบบและสถาปัตยกรรม ภาพเคลื่อนไหว และพื้นที่เฉพาะเกี่ยวกับเรื่องวัฒนธรรมทางสายตาของฮ่องกง
ในยามค่ำคืนตัวอาคาร M+ ยิ่งสวยโดดเด่นด้วย LED Façade ฟาซาดใหญ่ที่สุดในโลกที่มีการติดตั้งไฟ LED นับพันดวง เป็นอีกหนึ่งงานศิลป์บนแพลตฟอร์มดิจิทัลที่สื่อสารกับผู้คนได้แบบเรียลไทม์ สามารถมองเห็นได้จากฝั่งอ่าววิกตอเรีย ช่วยสร้างสีสันให้ฮ่องกงยิ่งดูมีชีวิตชีวาในแบบฉบับของเมืองที่ไม่เคยหลับใหล
M+ Museum
เว็บไซต์: www.mplus.org.hk
เปิดบริการ : เวลา 10.00 - 18.00 น. ปิดวันจันทร์
การเดินทาง : สถานี MTR Kowloon ทางออก E4, E5
พิกัด : https://goo.gl/maps/gSmyGjHe7dN8Wgpo7
จองตั๋ว : www.mplus.org.hk/en/get-tickets/
K11 MUSEA
ไปต่อกันที่ห้างสรรพสินค้ากึ่งพิพิธภัณฑ์อย่าง K11 MUSEA (อ่านว่า มิวซีอา) ที่ดูภายนอกอาจนึกไปว่าที่นี่คือห้างสรรพสินค้าลักชัวรี่น้องใหม่ของฮ่องกง แต่จริง ๆ แล้วที่นี่คือ Art Mall แหล่งช้อปปิ้งซึ่งรวมแบรนด์ดังระดับโลกและสตรีทแบรนด์น้องใหม่มาไว้ในที่เดียว โดยในทุกพื้นที่ของห้างจะทำหน้าที่เป็นพื้นที่แสดงงานศิลปะไปในตัว ซึ่งจะมีศิลปินจากทุกมุมโลกหมุนเวียนมาจัดแสดงงานอย่างต่อเนื่อง
Gold Ball ลูกบอลขนาดใหญ่กลางห้าง K11 MUSEA
พิกัดแรกที่ต้องไปเช็กอิน ได้แก่ Gold Ball ลูกบอลขนาดใหญ่กลางห้างซึ่งภายในเป็นพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมและนิทรรศการพิเศษ ต่อด้วยเส้นสายสะดุดตาที่พาดผ่านบันไดเลื่อนชั้น 1 ซึ่งเป็นอีกหนึ่งชิ้นงานศิลปะที่มีชื่อว่า Escalating Climbers จากนั้นค่อยขึ้นไปชม Peacock Playground นกยูงไซส์จัมโบบนดาดฟ้า ที่อยู่ใกล้กับ Bohemian Garden ซึ่งมีไฮไลท์อย่าง Bohemian Arch บันไดเลื่อนที่เชื่อมต่อระหว่างส่วน Indoor กับ Outdoor บอกเลยว่ามาที่นี่ช้อปสนุก ถ่ายรูปสนั่นแน่นอน
K11 MUSEA
เว็บไซต์ : www.k11musea.com
เปิดบริการ : ทุกวัน เวลา 10.00 น. - 22.00 น.
การเดินทาง : สถานี Tsim Sha Tsui MTR ทางออก E และสถานี East Tsim Sha Tsui ทางออก J1 หรือ J2
Tai Kwun
ปิดท้ายกันที่ Tai Kwun (ต่ายกู๋น) อาร์ตแกลเลอรีแสนเก๋ที่ในอดีตเคยเป็นสถานีตำรวจและเรือนจำอายุเก่าแก่กว่า 170 ปี ก่อนที่ตัวอาคารทั้ง 16 หลังได้รับการอนุรักษ์และฟื้นคืนชีวิตด้วยการสวมบทบาทเป็นทั้งส่วนจัดแสดงศิลปะและออดิทอเรียม
ห้องนิทรรศการ
แน่นอนว่ามีนิทรรศการที่บอกเล่าถึงประวัติความเป็นมาของที่นี่ในโซนที่เรียกว่า Barrack Block ซึ่งดัดแปลงมาจากคุกเก่า เนื้อหาในนิทรรศการนี้จึงเน้นบอกเล่าเกี่ยวกับนักโทษคดีความต่าง ๆ ขั้นตอนการควบคุมนักโทษ วิถีชีวิตของนักโทษในอดีต ฯลฯ แต่ไม่ต้องกลัวว่าอารมณ์จะหม่น เพราะขึ้นชื่อว่าอาร์ตแกลเลอรีทั้งที การบอกเล่าประวัติศาสตร์เคร่งเครียดจึงออกมาในรูปแบบที่ขรึมขลังและสวยงามอย่างลงตัว
มุมถ่ายภาพยอดนิยมในต่ายกู๋น
ออกจากโซนประวัติศาสตร์แล้ว ยังสามารถสนุกกับการถ่ายรูปได้ทั่วบริเวณที่นิทรรศการอีกมายมายให้เยี่ยมชม เช่น ภายในอาคารหอศิลป์ร่วมสมัย JC Contemporary และ JC Cube ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับแสดงงานศิลปะที่เปิดโอกาสให้ศิลปินมาจัดแสดงงานศิลปะส่วนตัว สามารถดูตารางกิจกรรมน่าสนใจก่อนเดินทางไปเยือนได้ทางเว็บไซต์
Tai Kwun
เว็บไซต์ : www.taikwun.hk/
เปิดบริการ : ทุกวัน เวลา 11.00 - 20.00 น.
การเดินทาง : สถานี Central ทางออก D1
พิกัด : https://goo.gl/maps/3jqwxHnV9C5zZQ7Y9
ช้อปเพลินเดินชิลใน 3 ย่านดัง
รูปปั้นขนาดเท่าตัวจริงของ บรูซ ลี (บน) แผ่นจารึกรอยมือเฉินหลง (ล่าง) ที่ Avenue of Stars
ใครที่โตมากับหนังฮ่องกงในยุค 80-90 ย่อมคุ้นหูกับชื่อของย่าน จิมซาจุ่ย (Tsim Tsa Tsui) ที่มักเป็นฉากหลังในหนังหลายเรื่องในยุคที่วงการภาพยนตร์ของฮ่องกงเฟื่องฟูจนได้รับสมญาว่า ฮอลลีวู้ดแห่งตะวันออก และเพื่อให้อินกับบรรยากาศดังกล่าว แนะนำให้ไปเดินเล่นที่ Avenue of Stars ทางเดินริมเวิ้งอ่าววิคตอเรียที่อยู่ในพื้นที่ของ Tsim Tsa Tsui Promenade ที่มีแผ่นจารึกรอยมือของนักแสดงดังของจีนและฮ่องกง อาทิ เฉินหลง หรือแจ็กกี้ ชาน รวมถึงรูปปั้นขนาดเท่าตัวจริงของ บรูซ ลี ตำนานกังฟูผู้โด่งดังและเป็นขวัญใจตลอดกาลของชาวฮ่องกง
เรือสำเภาจีนโบราณ Aqua Luna
บรรยากาศในค่ำคืนวันเสาร์ของพื้นที่ริมน้ำแห่งนี้จะพิเศษยิ่งขึ้นเพราะนอกจากจะได้ชมแสงสีงดงามตลอดโค้งน้ำแล้ว ยังมีการแสดงดนตรีให้เสพสุนทรีย์หลายรายการ ที่สร้างบรรยากาศได้เข้ากันกับเรือสำเภาจีนโบราณ Aqua Luna ที่ลอยลำเป็นฉากหลังให้เก็บภาพความประทับใจไว้เป็นที่ระลึก
Avenue of Stars
เปิดบริการ : 24 ชั่วโมง
การเดินทาง : MTR สถานี East Tsim Sha Tsui Station ทางออก P1
บรรยากาศบนถนนนาธาน
ส่วนสายช้อปรับรองไม่ผิดหวังกับย่านจิมซาจุ่ย เพราะมีสารพันสินค้าให้ช้อปตั้งแต่แผงขายของริมถนน ไปจนถึงร้านบูติกและแบรนด์เนมละลานตา โดยเฉพาะบน ถนนนาธาน หรือที่คนฮ่องกงเรียกว่า Golden Mile แหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดของเกาะฮ่องกง ที่นอกจากจะเรียงรายด้วยห้างดัง เช่น The One, iSquare ฯลฯ ยังมี Lady’s Market ที่ถูกใจสาวนักช้อปอย่างแน่นอน
Blue House
หว่านจ๋าย (Wanchai) เป็นอีกย่านที่สามารถเดินชิลได้อย่างเพลิดเพลิน เพราะเป็นย่านเก่าที่เมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วเคยเป็นหมู่บ้านชาวประมงมาก่อน และยังหลงเหลือบ้านเรือนเก่าแก่ให้คนรุ่นหลังได้ไปเยี่ยมชม โดยเส้นทางชมตึกเก่า Heritage เริ่มจากสถานี Wanchai ทางออก A3 ข้ามถนน Johnston สู่ย่านตลาดสดหว่านจ๋ายที่มีบรรยากาศตลาดพื้นบ้านฮ่องกง
และเมื่อเดินมาจนถึง Queen’s Road East จะสังเกตได้ทันทีว่าบ้านเรือนบนถนนเส้นนี้ล้วนเป็นอาคารสวยเก่าแก่ที่หลังจากนี้จะสามารถเดินลัดเลาะตามตรอกซอกซอยต่าง ๆ เพื่อถ่ายรูปอาคาร Heritage ได้ตามอัธยาศัย โดยตึกเก่าไฮไลท์ห้ามพลาด ได้แก่ Blue House บ้านสีฟ้าสี่ชั้นบนถนน Stone Nullah Lane ซึ่งเชื่อว่าเคยเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกในย่านหว่านจ๋าย ต่อมาเปลี่ยนสถานะเป็นศาลเจ้า และปรับเป็นร้านค้าตั้งแต่ปี ค.ศ.1920 จนถึงปัจจุบัน ความพิเศษของบ้านหลังนี้คือ เอกลักษณ์ในการทาสีฟ้าทั้งหลัง ซึ่งถือเป็นสีต้องห้ามในยุคนั้น บ้านสีฟ้าจึงหาได้ยากสุด ๆ ในฮ่องกงนั่นเอง
Old Wan Chai Post Office
จากนั้นแวะไปทักทาย Old Wan Chai Post Office ที่ทำการไปรษณีย์เก่าแก่ที่สุดในฮ่องกงที่ยังหลงเหลืออยู่ ตัวอาคารมีเอกลักษณ์ที่สวยงามชวนให้นึกถึงบรรยากาศเกาะฮ่องกงเมื่อร้อยปีก่อนได้เป็นอย่างดี นอกจากสองอาคารนี้ ยังมีอาคารที่น่าสนใจทั้งในแง่สถาปัตยกรรมและแง่วัฒนธรรมอีกหลายจุดราว 15 แห่ง ลองไปตามกันดู
รถรางแล่นผ่านย่านหว่านจ๋าย
และหากใครอยากรู้สึกเสมือนได้ย้อนเวลาจริง ๆ แนะนำให้ลองนั่งรถรางจากต้นสายจนสุดสาย จาก Kennedy Town ถึง Shau Kei Wan ซึ่งสัญจรผ่านย่านหว่านไจ๋เช่นกัน การเดินทางด้วยรถรางจะทำให้ได้เห็นฝั่งฮ่องกงสองข้างทางอย่างเพลิดเพลินและไม่เหนื่อยแรง สามารถใช้บริการได้ตั้งแต่ 06.00-24.00 น.
ตลาดกลางคืนเทมเปิลสตรีท
ปิดท้ายกันที่ ตลาดกลางคืนเทมเปิลสตรีท (Temple Street) หนึ่งในโลเคชั่นหลักที่ภาพยนตร์หลายเรื่องมักใช้ถนนสายนี้เป็นฉากหลัง เพราะความมีชีวิตชีวาของท้องถนนที่พลุกพล่านและจัดจ้านด้วยสีสันของป้ายไฟนีออนที่กลายเป็นภาพจำของฮ่องกงไปแล้ว
อร่อยกับสตรีทฟู้ดที่ตลาดเทมเพิลสตรีท
ตลาดกลางคืนเทมเพิลสตรีทเหมาะกับคนชอบต่อราคาและสนุกกับการซื้อของราคาย่อมเยาที่มีให้เลือกช้อปกันตั้งแต่ปากกา นาฬิกาข้อมือ กระเป๋า เสื้อผ้า ฯลฯ แผงลอยขายอาหารในย่านนี้ก็มีครบทุกเมนู แถมสุดถนนยังเป็นแหล่งหมอดูแม่น ๆ ให้เช็กดวงกันได้ตามอัธยาศัย และใครที่อยากดูศิลปะการแสดงอุปรากรจีนก็สามารถมาชมงิ้วขนานแท้และดั้งเดิมได้บนนถนนสายนี้เช่นกัน ตลาดกลางคืนเปิดตั้งแต่ 4 โมงเย็นไปจนถึงเที่ยงคืน
ตลาดกลางคืนเทมเปิลสตรีท
การเดินทาง : MTR สถานีจอร์แดน ทางออก A เลี้ยวขวาเข้าถนนจอร์แดน แล้วเลี้ยวขวาอีกครั้งเพื่อเข้าเทมเพิล สตรีท
อ้างอิง
- Wonderfulpackage.ขอคู่ ให้ได้คู่ ไหว้พระขอคู่วัดไหนถึงได้คู่สมใจ.https://bit.ly/49k7QvB
- คชาภาพาไปมู.เคล็ดลับไหว้พระใหญ่เทียนถาน.https://bit.ly/3SkAllO
- ผู้จัดการออนไลน์.เที่ยวตามรอย “เบลล่า” สักการะ “พระใหญ่เทียนถาน” แห่งเกาะฮ่องกง.https://bit.ly/49qrJAZ
- goothai.ลิ้มรสอาหารทะเลที่หมู่บ้านชาวประมงลียุนมุน.https://bit.ly/42xGwrh
- Hong Kong Tourism Board.M+: โลกแห่งวัฒนธรรมทางสายตาแบบร่วมสมัยอันน่าประทับใจ.https://bit.ly/3SRm69L
- Wonderfulpackage.เดินเที่ยวฮ่องกง ย่านหว่านจ๋ายสุดสนุก.https://bit.ly/494IcLz
- Mini_stamp.5 จุดเช็คอิน “ฮ่องกง” เอาใจอาร์ตตัวแม่และนักล่ามุมลับใน IG.https://bit.ly/4bugrxt