เที่ยว ‘โคเปนเฮเกน’ เมืองเปี่ยมแรงบันดาลใจที่ทำให้ผู้คนมีความสุขในการทำงาน

16 May 2023 - 7 mins read

Travel / World

Share

รู้ไหม? คนที่อาศัยอยู่ในเมืองไหน มีความสุขกับการทำงานมากที่สุดในโลก

 

สำหรับปี 2023 นิตยสาร Forbes ได้จัดอันดับให้ชาวเดนิชและผู้คนที่ใช้ชีวิตอยู่ใน ‘โคเปนเฮเกน’ (Copenhagen) เมืองหลวงของประเทศเดนมาร์ก เป็นคนที่มีความสุขกับหน้าที่การงานของตัวเองมากที่สุด มากกว่าคนที่อาศัยอยู่ในเมืองอื่น ๆ อีก 128 เมืองทั่วโลก

 

เหตุผลที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า โคเปนเฮเกนเป็นเมืองที่มีความครบถ้วนในทุก ๆ ด้าน เช่น มีระบบสาธารณูปโภคที่ดี มีระบบขนส่งสาธารณะที่เชื่อมต่อกันทั่วเมือง มีพื้นที่สีเขียวให้ทุกคนได้พักผ่อน ควบคู่กับการบังคับใช้ตัวบทกฎหมายที่คำนึงถึงความสุขและ Work-Life Balance หรือสมดุลระหว่างการทำงานกับการใช้ชีวิตของคนในเมืองเป็นสำคัญ เพื่อไม่ให้คนทำงานหนักหรือมากเกินไปจนกระทบต่อชีวิตส่วนตัว

 

โคเปนเฮเกนจึงเป็นเมืองแห่งความสุข ซึ่งไม่ใช่แค่สำหรับคนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้เพียงอย่างเดียว แต่รวมไปถึงคนต่างถิ่นที่แวะเวียนมาท่องเที่ยวในช่วงเวลาสั้น ๆ ก็รับรู้ได้ถึงความสุขที่มีให้พบเห็นและรอคอยให้สัมผัสอยู่ทั่วทั้งเมือง ผ่านสถานที่น่าสนใจและไลฟ์สไตล์ของคนในพื้นที่ ซึ่ง LIVE TO LIFE คัดสรรมาให้ผู้อ่านได้ทำความรู้จักกับโคเปนเฮเกนมากกว่าเดิม ในฐานะเมืองเปี่ยมแรงบันดาลใจที่ทำให้ผู้คนมีความสุขในการทำงาน

 

 

สุขทุกขณะที่โคเปนเฮเกน

 

โคเปนเฮเกน คือเมืองขนาดใหญ่ที่สุดในแถบสแกนดิเนเวีย (Scandinavia) ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้เรียกรวมกลุ่มประเทศทางเหนือสุดของทวีปยุโรปในแถบคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย โดยประกอบไปด้วย 3 ประเทศ ได้แก่ เดนมาร์ก สวีเดน และนอร์เวย์ หากรวมอีก 2 ประเทศเข้ามาด้วย คือ ฟินแลนด์ และไอซ์แลนด์ จะเปลี่ยนมาใช้ชื่อเรียกว่า กลุ่มประเทศนอร์ดิก (Nordic Countries) หรือนอร์เดน (Norden) แทน

 

ถึงอย่างนั้น คนทั่วโลกมักจะรู้จักโคเปนเฮเกนในฐานะเมืองท่าเก่าแก่ของยุโรป และเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพชีวิตเพราะมีรัฐสวัสดิการดีที่สุดในโลกมากกว่า ซึ่งยืนยันได้จากผลการจัดอันดับเมืองที่มีความสุข โดยโคเปนเฮเกนติดอันดับต้น ๆ ของโลกมาโดยตลอด

 

ส่วนหนึ่งมาจากแนวคิดหรือปรัชญาการใช้ชีวิตของวัฒนธรรมเดนิชอย่าง ‘ฮุกกะ’ (Hygge) แม้จะหาคำแปลที่สื่อความหมายได้ครบถ้วนหรือตรงตัวไม่ได้ เพราะเป็นคำในภาษาเดนิชที่มีความหมายลึกซึ้ง แต่ถ้าหากต้องแปลเป็นภาษาไทยให้ใกล้เคียงที่สุด คงหมายถึง ความอยู่ดีมีสุขที่ทำให้รู้สึกสบายกายและอบอุ่นหัวใจ โดยสามารถเกิดขึ้นได้จากการชื่นชมสิ่งรอบตัว และการสร้างความใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้อื่น ทั้งหมดนี้เป็นความเรียบง่ายของวิถีชีวิตที่ฝักลึกอยู่ในทุกขณะของการใช้ชีวิต ซึ่งฮุกกะทำให้คนในโคเปนเฮเกนรู้สึกถึง ‘ลุกกะ’ (Lykke) หรือ ‘ความสุข’ นั่นเอง

 

 

บรรยากาศคึกคักที่แลนด์มาร์กขึ้นชื่อ

 

ในเมื่อคนส่วนใหญ่รู้จักโคเปนเฮเกนว่าเป็นเมืองท่าเก่าแก่ ท่าเรือนูฮาวน์ (Nyhavn) จึงเป็นทั้งแลนด์มาร์กสำคัญและสัญลักษณ์เด่นประจำเมืองที่ทุกคนต้องนึกถึงเป็นอย่างแรก

 

แม้ในอดีตพื้นที่ริมน้ำคือจุดเสื่อมโทรมของเมือง แต่ในปัจจุบันกลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เพราะกลายเป็นย่านท่องเที่ยวซึ่งรายล้อมไปด้วยตึกสีสันสดใสที่ทำให้ท่าเรือนูฮาวน์เป็นจุดที่มีทัศนียภาพริมอ่าวงดงาม ส่วนภายในตึกเป็นทั้งที่พัก ร้านอาหาร ร้านค้า ผับ และบาร์ คอยให้บริการผู้คนและนักท่องเที่ยวที่อยากดื่มด่ำบรรยากาศคึกคัก ซึ่งทำให้โคเปนเฮเกนเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา

 

หากสังเกตเรือที่จอดอยู่ จะเห็นว่ามีทั้งเรือเพื่อการท่องเที่ยวและเรือเก่า นี่คือความตั้งใจของประเทศเดนมาร์กที่ต้องการสงวนพื้นที่บางจุดเอาไว้ให้เรือโบราณทอดสมอ เพื่อรำลึกถึงความเป็นมาในอดีตและคงความคลาสสิกเหนือกาลเวลาให้ท่าเรือนูฮาวน์มีเสน่ห์จากวันวาน

 

นอกจากนี้ บ้านของฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซน (Hans Christian Andersen) นักเขียนเทพนิยายชื่อดังระดับโลกเจ้าของผลงาน The Little Mermaid ก็เคยอยู่ที่ท่าเรือนูฮาวน์มาก่อน ปลายสุดของท่าเรือริมอ่าวโคเปนเฮเกนซึ่งห่างจากท่าเรือนูฮาวน์ประมาณ 1 กิโลเมตร จึงเป็นที่ตั้งของรูปปั้นเงือกน้อยทำจากสำริดนั่งอยู่บนก้อนหิน เสมือนจุดเช็กอินประจำอ่าวให้นักท่องเที่ยวมาถ่ายภาพเป็นที่ระลึก

 

 

โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมและดีไซน์สไตล์เดนิช

 

ความสวยงามของการออกแบบตึกรามบ้านช่องสไตล์เดนิชที่มีให้เห็นแค่ในประเทศเดนมาร์ก โดยเฉพาะรูปแบบสถาปัตยกรรมของสถานที่สำคัญในเขตเมืองหลวง อย่างอาคารศาลาว่าการเมืองโคเปนเฮเกน (Copenhagen City Hall) ที่มีอายุมากกว่าร้อยปี และพระราชวังคริสเตียนส์บอร์ก (Christiansborg Palace) หนึ่งในพระราชวังที่โดดเด่นและยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ ทำให้สหภาพสถาปนิกนานาชาติ ยกย่องโคเปนเฮเกนเป็นเมืองหลวงแห่งสถาปัตยกรรมโลกประจำปี 2023

 

พื้นที่หน้าศาลาว่าการเมืองโคเปนเฮเกนเป็นจัตุรัสหรือลานกว้างที่ผู้คนมักจะนิยมใช้เป็นจุดนัดหมายเพื่อทำกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจร่วมกัน กลายเป็นภาพชินตาของนักท่องเที่ยวที่มักจะเห็นคนผ่านไปมาเป็นจำนวนมากทั่วบริเวณ ส่วนภายในพระราชวังคริสเตียนส์บอร์ก แบ่งออกเป็นที่ทำการของรัฐสภา ศาล ห้องทำงานของนายกรัฐมนตรี และพื้นที่เยี่ยมชมให้นักท่องเที่ยวเข้ามาดูความงดงามของสถาปัตยกรรมและดีไซน์สไตล์เดนิช

 

ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็จะเห็นได้ชัดเจนว่า โคเปนเฮเกนเป็นเมืองที่คงความร่วมสมัยเอาไว้ได้อย่างลงตัว อนุรักษ์ตึกเก่าให้เคียงคู่กับตึกใหม่ที่เพิ่งสร้างขึ้นมาด้วยแนวคิดเฉพาะตัวที่บ่งบอกสไตล์ของประเทศเดนมาร์ก ซึ่งไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนอย่าง Functionalism คือ การออกแบบที่เน้นความเรียบง่ายและให้ทุกคนใช้งานได้จริง

 

 

ปั่นจักรยาน นั่งกลางสวน เมืองที่ทุกคนได้ใช้ชีวิต

 

แม้ระบบขนส่งสาธารณะในเมืองโคเปนเฮเกนจะครอบคลุมทั่วทั้งเมือง แต่คนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ส่วนใหญ่ กลับชื่นชอบการปั่นจักรยานไปไหนมาไหนมากกว่า นั่นเป็นเพราะว่าเมืองโคเปนเฮเกนถูกออกแบบมาให้เป็นมิตรกับคนเดินถนนและผู้ใช้จักรยาน จึงมีเลนจักรยานที่แยกออกจากถนนและทางเท้า มีที่จอดเพียงพอ เพื่อสนับสนุนให้คนทำงานปั่นจักรยานแทนการใช้รถส่วนตัว เป็นความสะดวกสบายและรวดเร็วกว่าใช้ขนส่งสาธารณะ

 

เสียงของเมืองโคเปนเฮเกนจึงต่างจากเมืองใหญ่ ๆ ในประเทศอื่น ๆ ที่อื้ออึงไปด้วยเสียงเร่งเครื่องยนต์และเสียงแตรรถหนวกหู เพราะความเงียบสงบทำให้คนในเมืองโคเปนเฮเกนเลือกใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะมีเสียงใดมารบกวน จึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้หากเห็นคนทำงานในออฟฟิศเปลี่ยนบรรยากาศมานั่งเปิดโน้ตบุ๊กพิมพ์งานหรือประชุมออนไลน์ในพื้นที่สาธารณะ นอกจากช่วยให้รู้สึกไม่เบื่อแล้ว ยังถือเป็นวิธีสร้างความสุขง่าย ๆ ในการทำงานให้ตัวเอง สมกับตำแหน่งเมืองที่ผู้คนมีความสุขกับการทำงานมากที่สุดในโลก

 

เดิมทีเมืองโคเปนเฮเกนเคยมีรถยนต์สัญจรหนาแน่น แต่ทางการมองมุมต่างว่า เมืองที่ดีคือเมืองที่ให้ผู้คนได้ออกมาใช้ชีวิตจริง ๆ จึงตัดสินใจปรับปรุงการออกแบบเมืองครั้งใหญ่เพื่อทำให้คนอยู่ดีมีสุขตามปรัชญาการใช้ชีวิตในแบบฮุกกะ หนึ่งในการเปลี่ยนแปลกที่พลิกโฉมเมืองโคเปนเฮเกน คือ ถนนเก่าแก่อย่าง Strøget ซึ่งเป็นถนนช้อปปิ้งหลักของเมือง และเป็นถนนช้อปปิ้งที่มีความยาวที่สุดในยุโรป

 

เมื่อทางการเปลี่ยนเมืองโคเปนเฮเกน เมืองโคเปนเฮเกนจึงเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คน ทำให้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้รักการเดินทางด้วยจักรยาน และชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง เกิดเป็นมวลความสุขที่แผ่ขยายมาถึงนักท่องเที่ยวจนทุกคนรับรู้ได้ทันทีว่า นี่คือเมืองเปี่ยมแรงบันดาลใจที่ทำให้ผู้คนมีความสุขทั้งในการทำงานและใช้ชีวิต 

 

สำหรับคนไทยที่ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยวที่โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก สามารถยื่นคำร้องขอวีซ่าผ่านช่องทางออนไลน์ล่วงหน้าได้ไม่เกิน 90 วัน ก่อนถึงกำหนดวันเดินทาง โดยมีค่าธรรมเนียมอยู่ที่  80 ยูโร (ประมาณ 2,900 บาท) โดยทางสถานทูตฯ จะใช้เวลาพิจารณาประมาณ 15-45 วัน ขึ้นอยู่กับความถูกต้องของข้อมูลและเอกสารของผู้ต้องการเดินทาง ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://visa.vfsglobal.com/tha/th/dnk

 

 

อ้างอิง

SHARE

facebook
twitter
copy
Related articles / บทความที่เกี่ยวข้อง
Loading...