เที่ยวญี่ปุ่นฉบับทัวร์งานศิลป์ เยือนถิ่น ‘นีงาตะ’ เมืองศิลปะใกล้โตเกียว

08 May 2024 - 8 mins read

Travel / World

Share

ใครที่กำลังวางแผนไปเที่ยวญี่ปุ่น และมองหาจุดหมายพักผ่อนหย่อนใจใหม่ ๆ นอกเหนือไปจากเที่ยวในเมืองใหญ่อย่างโตเกียว

 

LIVE TO LIFE ขอแนะนำ นีงาตะ (Niigata) เมืองชายทะเลที่รุ่มรวยด้วยศิลปะ และอยู่ไม่ไกลโตเกียว นั่งรถไฟชินคันเซ็น 2 ชั่วโมงก็ถึงแล้ว

 

นีงาตะอุดมไปด้วยของดีครบครัน โดยมีทำเลติดชายทะเล รายล้อมด้วยแนวเทือกเขาสูงกว่า 2,000 เมตร เมื่อฤดูหนาวมาเยือน นีงาตะจึงเป็นจุดหมายเด่นของคนที่ตั้งใจมาเล่นสกี เพราะที่นี่มีสกีรีสอร์ตดี ๆ หลายแห่ง ซึ่งคอร์สสกีส่วนใหญ่ของสกีรีสอร์ตในนีงาตะล้วนเป็นมิตรต่อผู้คนทุกเพศทุกวัย รวมถึงมือใหม่ที่เพิ่งหัดเล่นสกีก็สามารถสนุกได้อย่างปลอดภัย

ทิวทัศน์ของภูเขานาเอบะและทะเลสาบทาชิโร เมืองเอจิโกะยูซาวะ

 

เมื่อผ่านพ้นฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมไปจนถึงปลายเดือนมิถุนายน นีงาตะก็พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยทิวทัศน์ของแมกไม้บนขุนเขาที่เริ่มผลิบานเขียวขจี โดยเฉพาะบริเวณภูเขานาเอบะ (Mt.Naeba) ใน เอจิโกะ ยูซาวะ (Echigo Yuzawa) ที่มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติบนยอดเขาอย่างสวนอัลไพน์ให้นักเดินทางได้สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด

ภาพ : Fuji Rock Festival

 

ล่วงเข้าสู่ฤดูร้อน ภูเขานาเอบะก็จะแปลงโฉมเป็นสถานที่จัดเทศกาลดนตรี The Fuji Rock Festival ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกรกฎาคมถึงต้นเดือนสิงหาคมของทุกปี ดึงดูดคอดนตรีจากทั่วโลกให้มาเสพความสุขจากเสียงดนตรีท่ามกลางผืนป่าบริสุทธิ์แห่งนีงาตะ

นาข้าวขั้นบันไดในนีงาตะ

 

นอกจากนี้ นีงาตะยังเป็นแหล่งปลูกข้าวพันธุ์ดีที่อร่อยที่สุดในญี่ปุ่น ทั้งยังสามารถนั่งเรือข้ามไปเที่ยวเกาะซาโดะ (Sado Island) ที่รุ่มรวยด้วยวัฒนธรรมเก่าแก่ไม่แพ้กัน 

 

และที่พลาดไม่ได้ยิ่งกว่านั้น คือ การตระเวนชมงานศิลปะกลางแจ้งที่จัดแสดงในหลายเมืองทั่วเขตจังหวัดนีงาตะ โดยผลงานทุกชิ้นล้วนกลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติอย่างลงตัว

 

ถ้าพร้อมแล้ว ออกเดินทางด้วยรถไฟชินคันเซ็นสาย Joetsu Shinkansen จากสถานี Tokyo สู่ปลายทางสถานี Niigata เพื่อสำรวจเสน่ห์ของเมืองแห่งศิลปะที่โอบล้อมด้วยขุนเขาและท้องทะเลกันเลย

 

 

ชมงานศิลป์ที่เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ

ผลผลิตจากเทศกาลศิลปะ Echigo Tsumari Art Triennale 

ดังที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าธรรมชาติของนีงาตะนั้นสวยงามและแปรเปลี่ยนไม่ซ้ำกันในแต่ละฤดูกาล ทิวทัศน์ของที่นี่จึงเปรียบเหมือนภาพวาดบนผืนผ้าใบที่งดงามในตัวเอง ยิ่งเมื่องานศิลป์แห่งธรรมชาติมาผนวกเข้ากับศิลปะที่สร้างจากฝีมือมนุษย์ซึ่งจัดแสดงในหลายพื้นที่ทั่วนีงาตะใน “เทศกาลศิลปะของแผ่นดิน” ในเอจิโกะสึมาริ (Echigo-Tsumari Art Triennale) ที่จัดขึ้นทุก ๆ 3 ปี ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิจนถึงฤดูใบไม้ร่วง จึงทวีความน่าสนใจยกกำลังสอง

แสงสีใน Tunnel of Light 

 

“เทศกาลศิลปะของแผ่นดิน” เป็นหนึ่งในเทศกาลศิลปะนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในโลก จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2000 ในพื้นที่เอจิโกะสึมาริ ทางตอนใต้สุดของจังหวัดนีงาตะ โดยมีการจัดแสดงผลงานถาวรประมาณ 230 ชิ้นตลอดทั้งปี อาทิ ประติมากรรมกลางแจ้ง การเปลี่ยนบ้านหรือโรงเรียนร้างเป็นสถานที่แสดงงานศิลปะ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีการจัดนิทรรศการพิเศษ กิจกรรม และทัวร์ศิลปะอื่น ๆ ที่น่าสนใจไม่ซ้ำกันในแต่ละปี

บรรยากาศสวยแปลกตาในโซน Drop

 

หนึ่งในงานศิลปะถาวรชิ้นไฮไลท์ คือ อุโมงค์แห่งหุบเขาคิโยสึ หรือ Kiyotsu Gorge Tunnel ในเมือง โทคามาจิ (Tokamachi) เป็นผลงานศิลปะที่ปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกภายในและทางเข้าของอุโมงค์ที่มีความยาวกว่า 750 เมตร โดย หม่า เยี่ยนซง (Ma Yansong) สถาปนิกชาวจีน ในเทศกาล Echigo-Tsumari Art Triennale 2018 เกิดเป็นผลงานศิลปะที่มีชื่อว่า Tunnel of Light ที่ใช้องค์ประกอบ 5 ประการของธรรมชาติ ได้แก่ ไม้ ดิน โลหะ ไฟ และน้ำ เป็นแรงบันดาลใจในการรังสรรค์แสงเงาและลวดลาย แต่ละโซนแห่งแสงจะมีชื่อเรียกว่า Expression of Color, Invisible Bubble, Drop, Light Cave และ Periscope

ฉากหลังของ Light Cave ที่เปลี่ยนไปในแต่ละฤดู

 

โซนที่ถือเป็นขวัญใจนักท่องเที่ยว ได้แก่ Drop ที่ตกแต่งด้วยกระจกนูน จัดไฟสีแดงส้มจึงมองดูแล้วแปลกตาคล้ายดวงไฟ อีกโซนอย่าง Light Cave ก็ยิ่งสวยโดดเด่นด้วยพื้นน้ำ ซึ่งเมื่อถอดรองเท้าเดินลุยน้ำไปยังปลายสุดของอุโมงค์ ก็จะได้สัมผัสความงามของธรรมชาติแห่งหุบเขาคิโยสึ ที่ได้รับการขนานนามเป็นหุบเขาที่สวยที่สุด 1 ใน 3 ของญี่ปุ่น ภาพสะท้อนบนผิวน้ำกับเส้นโค้งของอุโมงค์จึงทำหน้าที่ราวกับกรอบในการถ่ายภาพชั้นดีที่งดงามไม่มีวันลืม

 

Tunnel of Light

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/c33HoJTdHcUoccyD7

การเดินทาง : นั่งรถบัสจากสถานี Echigo-Yuzawa ไปลงที่ป้าย Kiyotsukyo Iriguchi จากนั้นเดินต่ออีก 30 นาที หรือนั่งแท็กซี่ใช้เวลาประมาณ 20 นาที

เวลาทำการ : 08.30-17.00 น.

ค่าเข้าชม : บุคคลทั่วไป 1,000 เยน เด็กประถมและมัธยมต้น 400 เยน  

รายละเอียดเพิ่มเติม : https://nakasato-kiyotsu.com/

คาเฟ่ IKOTE
ภาพ : いこて/ikote

 

อีกหนึ่งชิ้นงานศิลปะจาก Echigo-Tsumari Art Triennale 2015 ที่ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นคาเฟ่ชื่อ IKOTE ในเมืองโทคามาชิ มีลักษณะเป็นอาคารไม้สองชั้นที่ออกแบบให้คล้ายกระท่อมหิมะคามาคุระ และวิธีก่อสร้างก็เป็นแบบดั้งเดิม สมกับความเป็นเมืองหิมะที่หนาวเย็นสุดขั้วในฤดูหนาว ทำให้คาเฟ่ IKOTE เลือกที่จะเสิร์ฟอาหารพื้นเมืองประจำภูมิภาคที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ ปรุงจากวัตถุดิบตามฤดูกาลเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสรสแท้แห่งนีงาตะทั้งบรรยากาศและอาหารแบบดั้งเดิม

โครงสร้างและบรรยากาศภายในคาเฟ่ IKOTE
ภาพ : いこて/ikote

 

IKOTE

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/QTPA8a8oggom8BC87

การเดินทาง : เดินประมาณ 8 นาที จากสถานี Tokamachi บนสาย JR Iiyama/Hokuetsu Express Hokuhoku

เวลาทำการ : 11.00-10.00 น. ปิดวันจันทร์

รายละเอียดเพิ่มเติม : いこて/ikote

งานศิลปะจากฟางข้าว

 

สำหรับในปีนี้ “เทศกาลศิลปะของแผ่นดิน” ในเอจิโกะสึมาริ หรือ Echigo-Tsumari Art Triennale 2024 จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 กรกฎาคม ถึง 10 พฤศจิกายน 2567 ใครอยากไปสัมผัสงานศิลปะที่มีมากกว่า 300 ชิ้น สามารถซื้อหรับชมงานล่วงหน้าได้ทาง https://www.echigo-tsumari.jp/en/visit/

 

บัตร Early-bird : (จำหน่ายถึงวันที่ 12 กรกฎาคม 2567)

ผู้ใหญ่ ราคา 3,500 เยน

เด็กอายุ 6-18 ปี ราคา 1,000 เยน (เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีเข้าชมงานฟรี) 

บัตรเข้าชมงานปกติ :

ผู้ใหญ่ ราคา 4,500 เยน

เด็กอายุ 6-18 ปี ราคา 2,000 เยน (เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีเข้าชมงานฟรี) 

เปิดทำการ : วันและเวลาอาจแตกต่างตามเทศกาลศิลปะ

การเดินทาง : ขึ้นรถไฟ JR Joetsu Shinkansen ไปยังสถานี Echigo-Yuzawa จากนั้นขึ้นรถไฟสาย Hokuhoku ของ Hokuetsu Kyukou ไปยังสถานี Tokamachi ประมาณ 35 นาที

รายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.echigo-tsumari.jp/

 

 

เรียนถักรองเท้าฟาง Zori

ไอเท็มกันหนาวคู่ใจชาวเมืองโทคามาจิ

โทคามาจิ เป็นอีกหนึ่งเมืองศิลปะแห่งจังหวัดนีงาตะที่มีกิจกรรมสนุก ๆ ให้ทำหลากหลาย โดยเฉพาะที่ Home Home Niigata บ้านแห่งศิลปะที่เป็นแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรมผ่านงานคราฟต์หรือหัตถกรรมประจำถิ่นนีงาตะหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือ เวิร์กช็อปทำรองเท้าฟาง หรือ Zori รองเท้าที่ใส่แล้วอุ่นเหมาะกับสภาพอากาศในฤดูหนาวของเมืองโทคามาจิที่มีอากาศหนาวจัดถึงขั้นเคยสร้างสถิติหิมะตกทับถมสูงถึง 4 เมตรมาแล้ว

รองเท้าฟางแห่งโทคามาจิ
ภาพ : https://homehome.jp/en/tours/zori-handcraft-2/

 

ชาวโทคามาจิจึงสั่งสมภูมิปัญญาในการนำวัสดุที่หาได้ง่ายอย่าง ฟางข้าว ที่เหลือจากการเก็บเกี่ยว มาถักทอเป็นอุปกรณ์กันหนาวหลายชนิด ทั้งหมวกฟาง เสื้อคลุมฟาง และรองเท้าฟางที่เดิมทำจากฟางธรรมชาติสีน้ำตาลแท้ ๆ จนต่อมาชาวโทคามาจิรุ่นหลังได้เสริมไอเดียในการพลิกแพลงรองเท้าฟางให้มีสีสันสวยงามมากขึ้น ด้วยการนำวัสดุเหลือใช้อย่างผ้าญี่ปุ่นจากชุดยูกาตะและกิโมโนที่ไม่ได้ใส่แล้ว มาถักทอร้อยลงบนโครงรองเท้าฟาง และนำผ้าบางส่วนมาห่อหุ้มฟางข้าวที่ผูกรวมกันเป็นเส้นยาว เพื่อทำเป็นส่วนของหูรองเท้า เกิดเป็นรองเท้าผ้าทำจากฟางข้าวที่มีเสน่ห์ไม่ซ้ำใคร

กรรมวิธีถักรองเท้าผ้าทำจากฟาง
ภาพ : https://homehome.jp/en/tours/zori-handcraft-2/

 

สำหรับเวิร์กชอปที่ Home Home Niigata จะมีเซนเซคอยสอนขั้นตอนการถักทอรองเท้าผ้าจากฟางข้าวอย่างใกล้ชิด เริ่มตั้งแต่การเลือกผ้ายูกาตะหรือกิโมโนมาใช้งาน สำหรับอุปกรณ์ในการถักไม่มีอะไรมากไปกว่าสองมือและ ‘นิ้วเท้า’ ของผู้ถักทอแต่ละคนเท่านั้น ที่เหลือคือการค่อย ๆ ถักผ้าไปเรื่อย ๆ จนถึงส่วนที่อยากเปลี่ยนสีค่อยหยุด แล้วขึ้นสีใหม่ 

 

เมื่อผู้เรียนวางรูปร่างและสีของรองเท้าได้คร่าว ๆ แล้ว เซนเซจะนำเชือกฟางที่ร้อยขึ้นรูปสำหรับเตรียมทำเป็นรองเท้ามาให้ผู้เรียนถักผ้าใส่เข้าไป ในที่สุดก็จะได้รองเท้าที่มีคู่เดียวในโลกเป็นของตัวเอง 

รองเท้าผ้าทำจากฟางและเศษผ้าสีสันสดใส
ภาพ : https://homehome.jp/en/tours/zori-handcraft-2/

 

ค่าเรียนถักรองเท้าฟาง ราคาคนละ 6,200 เยน รองเท้าผ้าทำจากฟาง ราคาคนละ 6,500 เยน

พิกัด : https://maps.app.goo.gl/WCQPPxrGmtLuiiPJ7

เวลาทำการ : 08.30-17.30 น.

รายละเอียดเพิ่มเติม : https://homehome.jp/en/tours/zori-handcraft-2/

 

 

ปล่อยใจให้ทิวทัศน์นีงาตะโอบล้อมรอบกาย

บนขบวนรถไฟสายรีสอร์ทสุดหรู

อีกหนึ่งวิธีท่องเที่ยวนีงาตะที่สะดวกสบาย ได้ชมทิวทัศน์ครบครัน และได้อิ่มท้องกับอาหารท้องถิ่นในเวลาเดียวกัน คือ การตีตั๋วออกทัศนาจรไปกับรถไฟขบวนท่องเที่ยว เอจิโกะ โทะคิเมะคิ รีสอร์ต เซ็ทสึเง็กกะ (Echigo Tokimeki Resort Setsugekka) ที่ให้บริการระหว่างสถานีโจเอ็ทสึ เมียวโค (Joetsu Myoko) และสถานีอิโตะอิกาวะ (Itoigawa) ที่พร้อมเสิร์ฟความงามของทั้งทิวเขาและท้องทะเลตลอดเส้นทาง

 

ขบวนรถไฟท่องเที่ยวสายนี้ประกอบด้วย 2 ตู้โดยสาร ที่ออกแบบให้มีหน้าต่างบานใหญ่เป็นพิเศษเพื่อให้เกิดความรู้สึกปลอดโปร่งโอบล้อมด้วยทิวทัศน์สองข้างทาง พร้อมทั้งมีเลานจ์ให้บริการเครื่องดื่มและเสิร์ฟคอร์สอาหารที่ปรุงจากวัตถุดิบสดใหม่ส่งตรงจากชุมชนในท้องถิ่น แน่นอนว่าเมนูพิเศษย่อมมีข้าวพันธุ์โคชิฮิคาริเป็นส่วนประกอบสำคัญ พร้อมด้วยสาเกรสชาติดีที่ทำให้นีงาตะขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตสาเกชื่อดังแห่งแดนอาทิตย์อุทัย

ภาพ : https://web.facebook.com/visitjapanth

 

เหตุผลที่ทำให้นีงาตะเป็นแหล่งข้าวพันธุ์ดีที่หุงกินก็อร่อย นำไปหมักสาเกก็ได้สุรารสชาติเยี่ยม เพราะแถบนี้มีดินดี อุดมด้วยแร่ธาตุจากแหล่งนี้ที่ผ่านกระบวนการหิมะละลายตามธรรมชาติ จึงเหมาะแก่การทำการเกษตรในช่วงฤดูใบไม้ผลิ บวกกับภูมิปัญญาของเกษตรกรที่นี่ที่มีนโยบายเน้นการปลูกข้าวให้มีคุณภาพที่ดีมากกว่าการปลูกเน้นปริมาณผลผลิต และมีการควบคุมการใช้น้ำเพื่อการเกษตรกรรมให้ได้ผลดีที่สุด จึงเป็นคำตอบของเมนูอร่อยแห่งนีงาตะนั่นเอง

ปราสาททาคาดะ (Takada Castle)

 

นอกจากรับประทานอาหารพลางชมวิวอย่างเพลิดเพลินแล้ว ระหว่างทางรถไฟจะจอดแวะให้ผู้โดยสารได้ลงไปเที่ยวตามจุดสำคัญ ๆ ในเมืองนีงาตะ เช่น ปราสาททาคาดะ (Takada Castle) ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น 1 ใน 3 จุดชมซากุระตอนกลางคืนที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น ส่วนตอนกลางวันก็งดงามไปอีกแบบด้วยดอกบัวที่บานสะพรั่งเต็มบึงรอบปราสาท หากมาเยือนในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็จะได้สัมผัสวิวที่สวยชวนตะลึงไปอีกแบบ

ภาพ : https://web.facebook.com/visitjapanth

 

นอกจากนี้ ยังแล่นผ่านหุบเขาหินหยกโคทะคิกาวะ (Kotakigawa Jade Gorge) อุทยานธรณีโลกแห่งแรกของญี่ปุ่นในเมืองอิโตะอิกาวะ (Itoigawa) ที่มีเส้นทางเดินชมธรรมชาติยอดนิยม เหมาะแก่การไปเยือนในฤดูร้อนไปจนถึงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี

 

Echigo Tokimeki Resort Setsugekka

ค่าบริการ : แพลนปกติ (รวมอาหาร) เริ่มต้น 24,800 เยน (รวมภาษี) สำหรับจุดชมวิวชั้นสูง ต้องเสียค่าธรรมเนียมที่นั่งแยกต่างหากเพิ่มอีก 15,000 เยน (รวมภาษี) โดยสามารถใช้งานได้ 2 ถึง 4 คน

รายละเอียดเพิ่มเติม :  https://www.echigo-tokimeki.co.jp/setsugekka/

 

 

นั่งเรืออ่างย้อนเวลา

ชมวิวสวยแปลกตาที่เกาะซาโดะ

ชมงานศิลปะจนทั่วนีงาตะแล้ว ไม่ควรพลาดการหาโอกาสนั่งเรือข้ามไปเที่ยว เกาะซาโดะ (Sado Island) เกาะขนาดใหญ่ที่สุดในทะเลญี่ปุ่นที่อยู่ห่างจากชายฝั่งเมืองนีงาตะไปเพียง 30 กิโลเมตร และบนเกาะรูปทรงคล้ายตัว S หรือตัว Z แห่งนี้มีกิจกรรมดี ๆ รอสร้างความประทับใจแก่นักเดินทาง

 

ด้วยความที่เกาะซาโดะมีขนาดพื้นที่กว่า 855 ตารางกิโลเมตร ทั้งยังมีแนวชายฝั่งรอบเกาะยาวประมาณ 280 กิโลเมตร หลาย ๆ คนที่มาพักผ่อนบนเกาะซาโดะจึงเลือกที่จะเช่าจักรยานปั่นรอบเกาะหรือขับรถยนต์เที่ยวชมทิวทัศน์ที่หลากหลายไม่แพ้บนแผ่นดินใหญ่ อาทิ เนินหินโอโนะกาเมะ (Ohno Game Rock) เนินหินสูงใหญ่ที่ยื่นไปในทะเล และจะเหลืองอร่ามไปด้วยดอกลิลลี่ในช่วงฤดูร้อนของทุกปี (ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงต้นเดือนมิถุนายน) 

อ่าวเซนคาคุ (Senkaku Bay) 

 

อีกหนึ่งกิจกรรมที่หลายคนไม่พลาด คือ ชมพระอาทิตย์ตกดินที่อ่าวเซนคาคุ (Senkaku Bay) ผาสูงชันที่เกิดจากการกัดกร่อนทางธรรมชาติที่สามารถนั่งเรือท้องกระจกชมความงามของทั้งแนวหินผาสวยแปลกตาและพื้นน้ำทะเลใสราวกระจกได้ในคราวเดียวกัน

เรืออ่างทาไรบุเนะ
ภาพ : https://www.jnto.or.th/newsletter/fun-activities-sado-island/

 

สำหรับไฮไลท์ในการมาเยือนเกาะซาโดะ ได้แก่ การนั่งเรืออ่างทไรบุเนะ (Tarai Bune) เพื่อเข้าถึงวิถีชีวิตเก่าแก่ของชาวบ้านดั้งเดิม ที่คิดค้นเรืออ่างหรือเรือกะละมังขึ้นจากอ่างไม้ทรงกลมท้องแบน โดยเป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมาช้านาน ผ่านการทดสอบด้วยประสบการณ์จากรุ่นสู่รุ่นว่าเรืออ่างไม้ทรงกลมท้องแบนนั้นมีสมดุลในการลอยน้ำที่ดี เหมาะแก่การเลี้ยวไปตามพื้นที่แคบ คดเคี้ยว และเต็มไปด้วยแนวปะการังโดยรอบเกาะซาโดะ ทั้งยังเคลื่อนที่ได้เร็ว จึงเหมาะแก่การใช้จับปลาบริเวณน้ำตื้น รวมถึงการเก็บสาหร่าย หอยเป๋าฮื้อ และหอยตาวัว สำหรับบริโภคและนำไปขายอีกด้วย

 

ปัจจุบัน นอกจากจะเป็นพาหนะในการประมงท้องถิ่นแล้ว เรืออ่างทะไรบุเนะได้เพิ่มอีกหนึ่งสถานะในการเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาสัมผัสเสน่ห์ของเกาะซาโดะแห่งนี้ ที่สามารถล่องเรือลัดเลาะรอบเกาะอย่างเพลิดเพลินไปบนเรืออ่างรูปทรงคลาสสิก โดยมีบรรดา ‘โอะบะซัง’ หรือคุณน้าคุณป้าซึ่งเป็นคนในพื้นที่ สวมเครื่องแบบแสนน่ารัก พร้อมหมวกคู่กาย รับหน้าที่แจวเรือให้บรรดานักท่องเที่ยวได้สัมผัสเกาะซาโดะอย่างใกล้ชิด ใครอยากเข้าถึงบรรยากาศแบบดั้งเดิม สามารถเช่าชุดท้องถิ่นมาสวมใส่ถ่ายรูปได้ตามอัธยาศัย

 

การเดินทาง : ให้ขึ้นเรือข้ามฟากความเร็วสูง Jetfoil หรือเรือเฟอร์รี จากท่าเรือนีงาตะ สู่ท่าเรือเรียวซึ บนเกาะซาโดะ หากเป็นเรือ Jetfoil จะใช้เวลา 1 ชั่วโมง ส่วนเรือเฟอร์รีใช้เวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง (แต่ราคาถูกกว่าเกือบเท่าตัว)

ค่าโดยสารเรืออ่างทาไรบุเนะ : รอบละ 500 เยน ระยะเวลารอบละ 10-15 นาที ค่าเช่าชุด 500 เยน

รายละเอียดเพิ่มเติม : www.visitsado.com/en/

 

 

อิ่มอร่อยกับศิลปะแห่งมื้ออาหารตามวิถีนีงาตะ

ไปเยือนถิ่นของอร่อยอย่างนีงาตะทั้งที ห้ามพลาดการชิม 4 เมนูขึ้นชื่อของที่นี่

 

ประเดิมด้วย ไทซาซึเกะ (Tai-Chazuke) ข้าวราดน้ำชาใส่เนื้อปลากะพง ที่เป็นการรวมเอาของดีประจำท้องถิ่นอย่างปลาไท หรือปลากะพง สด ใหม่จากทะเล กับข้าวโคชิฮิคาริ (Koshihikari) หนึ่งในข้าวพันธุ์ดีที่สุดของญี่ปุ่น เพราะมีแหล่งปลูกสำคัญอยู่ในเมืองมินามิอุโอนุมะแห่งจังหวัดนีงาตะ ซึ่งเป็นข้าวที่มีกลิ่นหอมกว่าข้าวชนิดอื่น บวกกับรสสัมผัสที่นุ่มนวล เมื่อรับประทานคู่กับเนื้อปลาไทที่ค่อย ๆ สุกผ่านกรรมวิธีรินน้ำชาร้อน ๆ ให้ท่วม ได้อารมณ์คล้ายข้าวต้มของบ้านเรา แต่แตกต่างตรงที่ข้าวยังคงความเป็นเม็ดอยู่ เกิดเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างรสหวานของเนื้อปลากะพง ข้าวหอมนุ่มละมุน และกลิ่นหอมของชาที่เข้ากัน

ไทชาซึเกะ (Tai-Chazuke)

 

อีกหนึ่งเมนูที่ทำจากข้าวพันธุ์โคชิฮิคาริ ได้แก่ ข้าวปั้นโอนิกิริ Super Size เมนูขายดีประจำร้าน Ponshukan ทั้ง 2 สาขาในสถานีรถไฟ Niigata และ Echigo-Yuzawa ความพิเศษของข้าวปั้นลูกใหญ่พิเศษขนาดประมาณฝ่ามือ คือ นอกจากจะได้เต็มอิ่มกับข้าวพันธุ์ดีที่สุดในญี่ปุ่นแล้ว สาหร่ายที่นำมาห่อก็มาจากแหล่งผลิตระดับประเทศอย่างหมู่เกาะเซโตอุจิ ไส้ในก็ใช้วัตถุดิบคัดสรรอย่างดี

 

มีให้เลือกอิ่ม 2 ขนาด คือ Bakudan Onigiri ที่ใช้ข้าว 2 ถ้วย และ Daibaku Onigiri ไซซ์ท้าทายการกินจุที่ใช้ข้าว 8 ถ้วย ราคา 2,200 เยน ส่วนใครที่อยากซื้อสาเกรสชาติดีติดมือเป็นของฝากคนทางบ้านก็หาซื้อได้จากร้าน Ponshukan เช่นกัน

 

รายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.ponshukan.com/en/

ข้าวปั้นโอนิกิริ Super Size
ภาพ: www.ponshukan.com/en/nagaoka/

 

เมนูห้ามพลาดจานต่อไป ได้แก่ เต้าหู้ทอด (Tochio Fried Tofu) อาหารประจำท้องถิ่นที่มีอายุเก่าแก่กว่า 300 ปีแห่งเมืองโทชิโอะ ทางตอนกลางของจังหวัดนีงาตะ เอกลักษณ์ความอร่อยอยู่ที่การเลือกใช้ชิ้นเต้าหู้ที่หนากว่าปกติ เพื่อดึงรสชาติถั่วเหลืองเข้มข้นให้ออกมาเพิ่มความอร่อยหลังทอดในน้ำมันร้อน ๆ เสิร์ฟพร้อมซีอิ๊วปรุงรสโฮมเมด รสชาติที่หาชิมได้ที่โทชิโอะเท่านั้น

เต้าหู้ทอด (Tochio Fried Tofu) 

 

ปิดท้ายด้วยของหวานขึ้นชื่ออย่าง ซาซาดังโงะ (Sasa Dango) โมจิที่ตัวแป้งทำจากใบโยโมกิที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ เฉพาะตัว สอดไส้ถั่วแดงกวนห่อด้วยใบไผ่

 

แรกเริ่มเดิมที ซาซาดังโงะยุคบุกเบิกไม่ได้สอดไส้ถั่วแดงกวนเหมือนทุกวันนี้ แต่จะเป็นของต้มต่าง ๆ ตามแต่ละบ้านจะหาได้ เพราะกำเนิดของซาซาดังโงะเกิดขึ้นในสมัยที่ญี่ปุ่นยังมีสงครามระหว่างแคว้น อุเอสึกิ เคนชิน (Uesugi Kenshin) แม่ทัพในยุคนั้นจึงสั่งให้ทหารแต่ละนายนำอาหารแห้งที่พกพาง่ายติดตัวไปกินระหว่างออกเดินทางไปรบ ดังโงะสอดไส้วัตถุดิบที่ผ่านการต้มมาแล้วห่อด้วยใบไผ่ที่มีคุณสมบัติในการยับยั้งแบคทีเรีย จึงช่วยถนอมอาหารได้ดี จึงช่วยให้กองทัพเดินได้ด้วยท้องอย่างแท้จริง

ซาซาดังโงะ (Sasa Dango)

 

กล่าวกันว่าปัจจุบันหาคนทำซาซาดังโงะได้น้อยลงทุกที ดังนั้น นอกจากการซื้อซาซาดังโงะที่ขายตามห้างสรรพสินค้าเป็นของฝากแล้ว ยังมีอีกทางเลือกที่น่าสนใจ คือ เวิร์กชอปทำซาซาดังโงะที่ Home Home Niigata มีสอนตั้งแต่การนวดแป้ง ห่อใส้ถั่วแดงกวน และห่อดังโงะด้วยใบไผ่ เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้สัมผัสประสบการณ์ทำซาซาดังโงะด้วยตัวเอง ทั้งเพื่อเป็นของฝากชิ้นพิเศษและเป็นโอกาสที่หาได้ยากในการชิมซาซาดังโงะที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ ๆ ที่ให้ทั้งกลิ่นหอมและรสสัมผัสที่ต่างจากซาซาดังโงะตามร้านค้าแน่นอน

เวิร์กชอปทำซาซาดังโงะ
ภาพ: facebook.com/HOMEHOMENIIGATA

 

ค่าเวิร์กชอปทำซาซาดังโงะ : คนละ 4,400 เยน 

รายละเอียดเพิ่มเติม : https://homehome.jp/en/tours/sasadangomaking/

 

 

อ้างอิง

  • Takuya Koguchi. (ฉบับปี 2024) คู่มือฉบับสมบูรณ์เกี่ยวกับไฮไลท์ของ “เทศกาลศิลปะของแผ่นดิน” และพื้นที่เอจิโกะสึมาริในจังหวัดนีงาตะ. https://bit.ly/3Wxjss3
  • องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น. กิจกรรมที่น่าสนุกบนเกาะซาโดะ (Sado Island). https://bit.ly/3UgcJzD
  • Katto. พาชมงานอาร์ตระดับโลก กับอุโมงค์ Kiyotsu Gorge Tunnel. https://bit.ly/3QfiCfm
  • Kotobuki Jaa. ทำรองเท้าผ้าที่นีงาตะ! ประสบการณ์ใหม่ เรียนรู้หัตถกรรมญี่ปุ่นกับช่างฝีมือท้องถิ่น. https://bit.ly/3QkQPdr
  • H.I.S.TOURS THAILAND. ข้าวปั้นโอนิกิริไซส์ยักษ์ ลิ้มรสข้าวพันธุ์อันดับหนึ่งของญี่ปุ่นเต็มอิ่ม. https://bit.ly/3We1QRu

SHARE

facebook
twitter
copy
Related articles / บทความที่เกี่ยวข้อง
Loading...