ค้นหาเสน่ห์ของการเดินทางกับ 3 เส้นทางรถไฟสวยทั่วโลก

27 Aug 2022 - 7 mins read

Travel / World

Share

หลายคนอาจเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “ความสุขของการเดินทางอาจไม่ได้อยู่ที่จุดหมายปลายทางเสมอไป แต่อาจซ่อนอยู่ในเรื่องราวที่ได้พบระหว่างทาง” จะจริงแค่ไหน ต้องลองเดินทางด้วยตัวเองสักครั้งถึงจะรู้

 

สำหรับนักท่องเที่ยวที่มีเวลาจำกัด เครื่องบินอาจเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ช่วยให้ไปถึงจุดหมายปลายทางได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น แต่ถ้าอยากซึมซับภาพของโลกกว้างที่ค่อย ๆ เคลื่อนผ่านสายตาไปทีละเมตร “รถไฟ” น่าจะเป็นพาหนะที่ตอบโจทย์ได้มากกว่า แม้จะไม่ใช่ตัวเลือกแรกของการเดินทางในยุคสมัยนี้ แต่การเดินทางด้วยรถไฟกลับซุกซ่อนความหมายและเสน่ห์บางอย่างที่ทำให้นักเดินทางทั่วโลกต่างตกหลุมรัก ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่ได้อยู่กับตัวเอง จุดแวะพักระหว่างทาง ตลอดจนผู้คนที่ได้พบเจอในตู้รถไฟแคบ ๆ ในช่วงเวลาหนึ่ง

 

สำหรับใครที่กำลังมองหาการเดินทางครั้งใหม่ในปีนี้ เราอยากให้รถไฟเป็นหนึ่งในตัวเลือกของการพาทุกคนออกไปดูโลกกว้าง โดยเฉพาะเส้นทางรถไฟ 3 สายนี้ที่มีเสน่ห์ต่างกันไปในแบบเฉพาะตัว ไม่ต้องแพ็กกระเป๋าใบใหญ่ ปล่อยใจไปกับการหมุนของล้อที่เคลื่อนไปตามราง ไม่แน่ว่าเมื่อการเดินทางสิ้นสุด คุณอาจค้นพบความหมายอะไรบางอย่างที่ทำให้มุมมองต่อโลกใบนี้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงก็เป็นได้

เส้นทางสรวงสวรรค์แห่งสวิตเซอร์แลนด์ Glacier Express

 

บนเส้นทางกว่า 291 กิโลเมตรจากเมืองแซร์มัท (Zermatt) สู่เมืองเซนต์โมริทซ์ (St. Moritz) ในประเทศที่ผู้คนต่างใฝ่ฝันอยากจะไปเยือนสักครั้งอย่างสวิตเซอร์แลนด์ หลายคนต่างขนานนามให้รถไฟขบวนนี้ว่าเป็นเส้นทางสู่สรวงสวรรค์ อาจจะเป็นระยะเวลาที่สั้นไปสักนิดสำหรับการขึ้นสวรรค์ แต่รับรองว่าภาพที่ได้เห็นตลอดระยะเวลาเกือบ 8 ชั่วโมงบนรถไฟจะทำให้ผู้มาเยือนไม่อาจลืมไปชั่วชีวิต กับภาพวิวของเทือกเขาแอลป์ที่ขาวโพลนไปด้วยหิมะในฤดูหนาว ทุ่งหญ้าสีเขียวแซมดอกไม้และท้องฟ้าสีฟ้าในฤดูร้อน ตลอดจนบ้านเรือน ทะเลสาบ น้ำตก หุบเหว อุโมงค์ลึก หน้าผาสูงชัน โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยจนชวนหยุดหายใจอย่างยอดเขาแมทเธอร์ฮอร์น (Matterhorn) หุบเขาลุ่มแม่น้ำไรน์ (Rhine Gorge) หรือช่องเขาโอเบอร์อัลพ์ (Oberalp Pass) ล้วนแต่เป็นภาพที่คู่ควรพาเลนส์กล้องไปจับภาพด้วยตัวเองสักครั้ง

ตัวรถไฟสีแดงสดเป็นเอกลักษณ์ถูกออกแบบมาอย่างหรูหราและสะดวกสบายสำหรับนักท่องเที่ยว แต่ที่เป็นไฮไลต์จริง ๆ คือตู้แบบพานอรามาที่ติดตั้งกระจกรอบขบวนตั้งแต่หน้าต่างจนถึงหลังคา ทำให้สามารถชมวิวได้รอบทิศพร้อมอิ่มเอมกับมื้ออาหารสไตล์ยุโรปและจิบไวน์แก้วโปรด นอกจากจะให้ความรู้สึกโรแมนติกราวต้องมนตร์แล้วยังทำให้เราได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ตลอดจนความทรงพลังของโลกอันกว้างใหญ่นี้

 

การเดินทางด้วยรถไฟด่วนขบวนธารน้ำแข็งขบวนนี้สามารถทำได้ทุกฤดูกาล แต่ช่วงที่ได้รับความนิยมที่สุดคือช่วงฤดูร้อน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นช่วงที่ตั๋วราคาแพงที่สุดเช่นกัน สำหรับใครที่มีงบจำกัดอาจเลือกเดินทางนอกไฮซีซั่น เลือกเดินทางแค่บางช่วงของเส้นทาง หรือใช้ Swiss Half-Fare Card ที่ให้ส่วนลดค่าเดินทางสาธารณะภายในสวิตเซอร์แลนด์สูงสุด 50% ก็จะช่วยเซฟค่าใช้จ่ายไปได้ส่วนหนึ่ง

 

ราคาตั๋วชั้น 2 แบบเต็มระยะทาง เริ่มต้นที่ 5,650 บาท (ยังไม่รวมค่าจองที่นั่ง)

ราคาตั๋วชั้น 1 แบบเต็มระยะทาง เริ่มต้นที่ 9,960 บาท (ยังไม่รวมค่าจองที่นั่ง)

ราคาจองที่นั่ง Excellence Class วิวพานอรามา ทุกฤดูกาล ประมาณ 15,600 บาท

จองที่นั่งได้ที่ www.glacierexpress.ch

(ราคาอาจเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลาของการเดินทาง)

เสพกลิ่นอายความหรูหราสุดคลาสสิกแบบตะวันออก Eastern Oriental Express

 

สำหรับใครที่หลงใหลกลิ่นอายความหรูหราและวัฒนธรรมของโลกตะวันออก Eastern Oriental Express คือหนึ่งในขบวนรถไฟที่ให้ความรู้สึกเหมือนท่องไปในสวรรค์แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเส้นทางเดินรถที่ได้รับความนิยมที่สุดคือเส้นที่เชื่อมต่อระหว่างประเทศ ไทย-มาเลเซีย-สิงคโปร์ หยุดแวะพักตามสถานีรถไฟสำคัญ ๆ เพื่อชมจุดท่องเที่ยวระดับไอคอนอย่าง สะพานข้ามแม่น้ำแควที่กาญจนบุรี หรือเกาะปีนังที่บัตเตอร์เวอร์ธ รถไฟขบวนนี้มีการปรับตัวรถให้กว้างขวางกว่าธรรมดา จึงสามารถบรรจุเครื่องอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ได้ไม่ต่างไปจากโรงแรม 5 ดาว ทั้งเตียง โซฟา ไปจนถึงเล้านจ์ส่วนตัวในดีไซน์คลาสสิกแบบรถไฟตะวันตกในอดีต ทั้งโซฟาบุผ้าไหม ผนังไม้ หรือแม้กระทั่งเปียโนที่ช่วยขับกล่อมสร้างบรรยากาศยามค่ำคืน

เราสามารถสัมผัสประสบการณ์เหนือระดับตลอดเส้นทางกว่า 2,318 กิโลเมตร โดยมีวิวของทุ่งนาเขียวขจี ตลอดจนสิ่งก่อสร้างที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเพื่อนไปตลอดทาง  กลางวันรถไฟจะแวะจอดเพื่อให้นักเดินทางได้ร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ ปั่นจักรยานชมธรรมชาติ หรือสัมผัสวัฒนธรรมดั้งเดิมผ่านศิลปะการต่อสู้ ก่อนที่จะกลับขึ้นมาลิ้มรสชาติของอาหารชั้นเลิศและค็อกเทลแก้วโปรดจากเชฟระดับโรงแรม ให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปโดยสารรถไฟสุดคลาสสิกในยุค 30 อีกครั้ง ทำให้แม้จะเป็นบรรยากาศที่คุ้นเคย แต่ก็ให้ความรู้สึกที่พิเศษไปกว่าเดิม ถ้าเทียบกับราคาการเดินทางรูปแบบอื่น Eastern Oriental Express อาจมีราคาค่อนข้างสูง ทว่าเมื่อเทียบกับประสบการณ์ที่ได้รับตลอดเส้นทาง แน่นอนว่าเป็นความพิเศษที่ประเมินค่าไม่ได้

 

หากเลือกโดยสารตลอดเส้นทางจะใช้เวลาประมาณ 3 วัน 2 คืน โดยมีห้องให้เลือกถึง 3 ประเภทตามระดับความหรูหรา

Pullman ห้องพักขนาดเล็กสุดที่มีโซฟาซึ่งสามารถปรับเป็นเตียงนอนสองชั้นได้ ราคาประมาณ 73,000 บาท/คน

State Cabin ห้องพักที่มีความหรูหราขึ้นมาอีกระดับ โซฟาสามารถปรับเป็นเตียงเดี่ยวได้ และมีห้องน้ำส่วนตัว ราคาประมาณ 100,000 บาท/คน

President Suite Cabin ห้องที่หรูหราที่สุดและพิเศษที่สุดของขบวนรถไฟ ด้วยขนาดห้องที่ใหญ่ถึง 11.6 ตารางเมตร มาพร้อมโซฟาที่สามารถปรับเป็นเตียงเดี่ยว ห้องน้ำส่วนตัว โซนแต่งตัว ไปจนถึงบาร์ส่วนตัวภายในห้อง ราคาประมาณ 140,000 บาท/คน

 

จองที่นั่งได้ที่ www.belmond.com

(ราคาอาจเปลี่ยนแปลงไปตามช่วงเวลาของการเดินทาง)

ผจญภัยไปกับเส้นทางรถไฟที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก Trans-Siberian Railroad

 

ชีวิตที่ขาดการผจญภัยก็เหมือนกับชีวิตที่ขาดสีสัน สำหรับนักเดินทางที่แสวงหาความตื่นเต้นจากการออกเดินทางผจญภัยแล้ว Trans-Siberian Railroad หรือเส้นทางรถไฟสายทรานส์-ไซบีเรียคือหนึ่งในเส้นทางในฝันที่ต้องพิชิตให้ได้ในช่วงชีวิตนี้ เพราะประสบการณ์ที่เส้นทางรถไฟสายนี้มอบให้นั้นคุ้มค่าที่จะยกให้เป็นหนึ่งในทริปต้องไปสักครั้ง ผู้คนจากทั่วโลกจึงหลั่งไหลเข้าสู่ประเทศรัสเซีย เพื่อพิชิตเส้นทางรถไฟที่ยาวที่สุดและยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกด้วยความยาวกว่า 9,288 กิโลเมตรนี้ อันที่จริงแล้วทรานส์-ไซบีเรียคือเครือข่ายรถไฟที่เริ่มต้นจากกรุงมอสโก (Moscow) ผ่านเมืองที่สำคัญต่าง ๆ อาทิ เยคาเตรินบุร์ก (Yekaterinburg) เมืองที่เป็นจุดสิ้นสุดของราชวงศ์โรมานอฟ โนโวซีบีสค์ (Novosibirsk) เมืองหลวงแห่งไซบีเรีย อีร์คุตสค์ (Irkutsk) ปารีสแห่งตะวันออก จนไปจบที่เมืองวลาดีวอสตอค (Vladivostok) ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุด

แม้รถไฟเส้นนี้จะไม่ได้หรูหรา สะดวกสบายเหมือนรถไฟสองสายแรก และพนักงานที่เป็นคนรัสเซียส่วนใหญ่ก็พูดภาษาอังกฤษได้เพียงเล็กน้อย ทำให้การเดินทางไม่ง่ายนัก แต่ประสบการณ์ที่ได้ระหว่างทาง โดยเฉพาะความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อย่างโบสถ์แห่งหยดเลือด (Cathedral of the Savior on the Spilled Blood) แม่น้ำโวลกา (Volga) แม่น้ำที่ยาวที่สุดในรัสเซีย รวมถึงชมความสวยงามของธรรมชาติอันยิ่งใหญ่อย่างทะเลสาบไบคาล ตลอดจนเทือกเขาอันสลับซับซ้อน และทุ่งหญ้าไซบีเรีย ก็ทำให้คุ้มค่าที่จะไปสักครั้ง

 

รถไฟเส้นทรานส์-ไซบีเรียมีด้วยกันหลายประเภทตั้งแต่แบบธรรมดาสำหรับนักท่องเที่ยวแบบแบ็กแพ็คเกอร์ ไปจนถึงรถไฟแบบหรูหรา วิธีที่ง่ายที่สุดในการจองตั๋วรถไฟคือการจองผ่านเอเจนซี่ตัวแทน เช่น www.transsiberianexpress.net โดยราคาจะขึ้นอยู่กับวัน เวลา และประเภทรถไฟที่จอง

 

Credit ภาพ: www.facebook.com/easternorientalexpress

SHARE

facebook
twitter
copy
Related articles / บทความที่เกี่ยวข้อง
Loading...