โบกรถสองแถวเที่ยวคนเดียว 2 วัน 1 คืน เยือนถิ่นอีสานใต้แบบม่วนซื่นที่ ‘บุรีรัมย์’

04 Mar 2024 - 7 mins read

Travel / Thailand

Share

‘บุรีรัมย์’ คือ ‘เมืองอันน่ารื่นรมย์’ สมกับความหมายของชื่อจังหวัด

 

เพราะเป็นจังหวัดเด่นทางภาคอีสานที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย ซึ่งสะท้อนให้เห็นทั้งความรุ่งเรืองในสมัยก่อน ร่องรอยความสงบของธรรมชาติที่เคยยิ่งใหญ่ วิถีชีวิตเรียบง่ายน่าหลงใหลที่ให้ประสบการณ์ใหม่ และความไม่หยุดก้าวไปข้างหน้าที่พลิกโฉมจังหวัดให้กลายเป็นจุดหมายของคนรักกีฬาลูกหนัง

 

ทุกอย่างนี้คือส่วนประกอบที่ทำให้ ‘บุรีรัมย์’ เป็นจังหวัดน่าเที่ยวในถิ่นอีสานใต้ที่ยินดีต้อนรับทุกคน รับรองว่าจะได้ซึมซับความสนุกแบบม่วนซื่นตลอดทริป พร้อมกับความสุขน่าตื่นตาตื่นใจกลับไปเป็นประสบการณ์ใหม่ไม่รู้ลืม

 

ต่อให้มีเวลามาเที่ยวเพียงช่วงสั้น ๆ 2 วัน 1 คืน แค่วันหยุดเสาร์และอาทิตย์ หรือว่างมาเที่ยวคนเดียวก็ไม่ถือเป็นอุปสรรคแต่อย่างใด เพราะ LIVE TO LIFE อาสาจัดทริป คัดเลือกสถานที่เด่น เที่ยวแบบลุยเดี่ยวตามช่วงเวลาเช้า สาย บ่าย เย็น และค่ำ เอาไว้ให้แล้ว

 

 

มุ่งสู่ ‘บุรีรัมย์’ เมืองอันน่ารื่นรมย์

เริ่มต้นด้วยการวางแผนวิธีเดินทางจากกรุงเทพฯ มายังจังหวัดบุรีรัมย์ด้วยพาหนะตามเส้นทาง ซึ่งมีให้เลือก 4 วิธี คือ

 

รถทัวร์ เป็นรถทัวร์ บขส. ออกเดินทางจากสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ จตุจักร (หมอชิตใหม่ 2) เที่ยวเช้าสุดเวลา 08.00 น. ด้วยระยะทางประมาณ 410 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง ถึงปลายทางสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดบุรีรัมย์ ค่าโดยสาร 337 บาทต่อเที่ยว จองตั๋วล่วงหน้าที่ บขส.

 

รถไฟ เป็นรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ เดินทางด้วยรถไฟด่วนพิเศษ ขบวน 21 (ชั้น 2 ปรับอากาศ) เส้นทางกรุงเทพอภิวัฒน์-อุบลราชธานี รถไฟออกจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์เวลา 06:10 น. ถึงสถานีบุรีรัมย์เวลา 11:34 น. ค่าโดยสารราคา 392 บาทต่อเที่ยว จองตั๋วล่วงหน้าที่ การรถไฟแห่งประเทศไทย

 

เครื่องบิน มีสายการบินหลายแห่งที่ให้บริการเที่ยวบินภายในประเทศ บินตรงจากท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ ถึงท่าอากาศยานบุรีรัมย์ โดยใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง ส่วนค่าโดยสารต่อเที่ยวบิน แนะนำให้ตรวจสอบโดยตรงกับเว็บไซต์ของแต่ละสายการบิน

 

รถส่วนตัว ขับรถออกจากกรุงเทพฯ โดยใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) เมื่อถึงจังหวัดสระบุรี ให้เลี้ยวขวาสู่เส้นทางหลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ) ไปจังหวัดนครราชสีมาจนถึงอำเภอสีคิ้ว ให้เลี้ยวขวาเข้าเส้นทางหลวงหมายเลข 24 (โชคชัย-เดชอุดม) ไปสู่อำเภอนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 218 จะถึงอำเภอเมืองบุรีรัมย์ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง เท่ากับรถทัวร์ ส่วนขากลับให้ขับรถย้อนกลับเส้นทางเดิม

ภาพ คนเดินดินคิดเคียงดาว

 

เมื่อเดินทางมาถึงบุรีรัมย์ สามารถเลือกได้ว่าจะโดยสารรถอะไรไปยังที่เที่ยวอื่น ๆ ทั้งรถตู้ รถแท็กซี่ และรถสองแถวสีชมพูที่ออกวิ่งทุกชั่วโมง สำหรับเส้นทางเดินรถ แนะนำให้สอบถามกับคนขับโดยตรง เพราะจำกัดเส้นทางวิ่งไปถึงเฉพาะสถานที่เที่ยวหลัก ๆ เท่านั้น แต่ถ้าต้องการความเป็นส่วนตัว แนะนำให้ใช้บริการเรียกรถรับส่งผ่านแอปฯ ต่าง ๆ หรือเช่ามอเตอร์ไซค์ขับแล้วเปิด GPS นำทางเพื่อความรวดเร็วทันใจ

 

สำหรับคนที่เดินทางมาด้วยรถไฟ จุดแรกที่ต้องแวะคือ ร้านลูกชิ้นยืนกิน ซึ่งอยู่รวมกันบริเวณหน้าสถานี เดิมทีคนท้องถิ่นต่างคุ้นเคยกับลูกชิ้นยืนกินเป็นอย่างดี เพราะมีมานานกว่า 50 ปี แต่สาเหตุที่ทำให้คนทั่วประเทศอยากลิ้มลองลูกชิ้นยืนกินบ้าง เป็นเพราะ ลิซ่า ลลิษา มโนบาล ศิลปินไทยหนึ่งเดียวแห่ง BLACKPINK เกิร์ลกรุปที่โด่งดังระดับโลก เคยบอกว่า เธอชอบลูกชิ้นยืนกินมาก หากินที่อื่นไม่ได้นอกจากที่บุรีรัมย์ และต้องกินคู่กับน้ำจิ้มน้ำพริกเผาเท่านั้น

 

สามารถเดินดูก่อนตัดสินใจว่าจะลองร้านไหน เพราะแต่ละร้านมีจุดเด่นต่างกันตรงที่รูปแบบของลูกชิ้นและน้ำจิ้มรสเด็ดพร้อมผักเคียง เมื่ออิ่มท้องก็ได้เวลาพร้อมลุยเดี่ยวเที่ยวบุรีรัมย์แบบม่วนซื่น ครบทั้งที่เที่ยวและที่แฮงเอ้าท์

 

 

เช้า : ขึ้นบันไดไปข้ามปากปล่องภูเขาไฟ

วนอุทยานเขากระโดง

วนอุทยานเขากระโดง หรือ เขากระโดง เปรียบได้กับป่าในเมืองของจังหวัดบุรีรัมย์ เพราะเป็นภูเขาขนาดใหญ่ที่มีธรรมชาติอุดมสมบูรณ์และอยู่ในอำเภอเมืองบุรีรัมย์ แต่คนเฒ่าคนแก่ในพื้นที่มักจะเรียกด้วยภาษาเขมรว่า พนมกระดอง หมายถึง ภูเขากระดอง ตามลักษณะของภูเขาซึ่งคล้ายกับกระดองเต่า

 

ย้อนกลับไปในอดีตกาลประมาณ 3-9 แสนล้านปี ที่นี่เคยเป็นภูเขาไฟน่าเกรงขาม แต่ปัจจุบันดับสนิทแล้ว และคงเหลือไว้เพียงร่องรอยของปากปล่องที่มองเห็นได้ชัดเจน ซึ่งแปรสภาพกลายเป็นสระน้ำขังแวดล้อมด้วยป่าไม้ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หากอยากเข้าไปชมและสำรวจใกล้ ๆ จะมีเส้นทางเดินชมรอบปล่อง และมีสะพานแขวนที่ทอดยาวข้ามผ่านเหนือปากปล่องภูเขาไฟพอดี สำหรับยืนชมปากปล่องจากมุมสูง

 

ส่วนทางขึ้นเขากระโดงมีให้เลือก 2 ทาง คือ เดินเท้าขึ้นทาง บันไดนาคราช ซึ่งมีทั้งหมด 297 ชั้น แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะเหนื่อยเกินไป เพราะตลอดทางมีเงาต้นไม้ใหญ่คอยให้ความร่มรื่นขนาบข้างทั้งสองฝั่งของบันได อีกทางเป็นทางรถให้คนที่ขับรถยนต์และมอเตอร์ไซค์มาเที่ยว สามารถขับขึ้นไปข้างบนยอดเขากระโดงได้เลย

 

นอกจากปากปล่องภูเขาไฟ บนยอดเขากระโดงยังเป็นที่ประดิษฐานของ พระสุภัทรบพิตร พระพุทธรูปปางสมาธิก่ออิฐถือปูนองค์ใหญ่คู่บ้านคู่เมืองของชาวบุรีรัมย์ให้ทุกคนที่ขึ้นมาบนเขากระโดงได้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล จากจุดนี้ หากมองลงไปจากยอดเขา จะเห็นวิวทั่วทั้งจังหวัดบุรีรัมย์แบบสุดลูกหูลูกตา

 

วนอุทยานเขากระโดง
ที่ตั้ง : ต.เสม็ด อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ 31000
เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี
โทร : 04 463 7349
เว็บไซต์ : เขากระโดง วนอุทยานเขากระโดง

 

 

สาย : ชมความยิ่งใหญ่ของทีมปราสาทสายฟ้า

สนามฟุตบอลช้างอารีนา

ใครที่ชื่นชอบกีฬาลูกหนังเป็นชีวิตจิตใจและเป็นเอฟซีของ สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด หรือ ทีมปราสาทสายฟ้า ต้องไม่พลาดแวะมาที่ สนามฟุตบอลช้างอารีนา ซึ่งอยู่ห่างจากเขากระโดงเพียง 3 กิโลเมตร สามารถเข้าเยี่ยมชมความยิ่งใหญ่ของสนามเหย้าของสโมสรฯ ที่จุผู้ชมได้มากถึง 32,600 ที่นั่ง

 

สนามฟุตบอลช้างอารีนายังครองตำแหน่งสนามกลางแจ้งมาตรฐาน FIFA แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ประเภทไม่มีลู่วิ่งรอบสนาม โดยผ่านการรับรองจากสหพันธ์ฟุตบอลระหว่างประเทศ และสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย รวมถึงสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน

 

ความสำเร็จของกีฬาฟุตบอลในทุก ๆ ด้าน สร้างความภาคภูมิใจให้คนบุรีรัมย์ จนต้องประกาศต่อท้ายไว้ในคำขวัญประจำจังหวัดใหม่ว่า ‘เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม เลิศล้ำเมืองกีฬา

 

สนามฟุตบอลช้างอารีนาเปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ยกเว้นวันที่มีการแข่งขัน โดยเปิดให้ชมเป็นรอบ รอบละ 30 นาที เริ่มรอบแรกเวลา 09.30 น. จนถึงรอบสุดท้ายเวลา 15.30 น.

 

หากชมสนามฟุตบอลช้างอารีนาเสร็จแล้ว ให้เดินมาด้านหลังของสนาม จะพบกับ Buriram Castle ศูนย์รวมร้านค้าชั้นนำที่เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 10.00-21.00 น. มีครบทั้งร้านอาหาร ร้านเครื่องดื่ม ร้าน Outlet รวมถึงร้านขายของฝากและของที่ระลึก ตอบโจทย์นักเที่ยวทั้งสายกิน สายชิลล์ และสายช้อป ครบจบในที่เดียว

 

สนามฟุตบอลช้างอารีนา
ที่ตั้ง : 444 หมู่ที่ 15 ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ 31000
เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 09.30-17.00 น. (ยกเว้นวันที่มีการแข่งขัน)
ค่าเข้าชม : เข้าชมฟรี
โทร : 04 466 6445, 02 026 6118
เว็บไซต์ : สนามฟุตบอลช้างอารีนา

 

 

บ่าย : พักดื่มกาแฟแก้วโปรดที่คาเฟ่ถ่ายรูปสวย

เอาใจนักเที่ยวสายคาเฟ่ฮอปเปอร์

ในตัวเมืองบุรีรัมย์มีคาเฟ่หลายแห่งที่ออกแบบโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ จนชวนให้ต้องแวะไปเช็กอินตามประสานักเที่ยวสายคาเฟ่ฮอปเปอร์ ผู้ชื่นชอบตะลอนทัวร์คาเฟ่ไม่ต่างจากสถานที่เที่ยวยอดฮิต เพื่อพักจิบกาแฟ ชิมของหวาน แชะภาพสวย และแชร์ลงสื่อโซเชียลเก็บไว้เป็นหลักฐานของความสุขที่เกิดขึ้นระหว่างท่องเที่ยวบุรีรัมย์

 

แห่งแรก คือ สวนคุณปู่ บุรีรัมย์ ร้านกาแฟสดสไตล์ท้องทุ่งที่มีสะพานไม้ให้เดินรับลมธรรมชาติ ซึ่งทุ่งนาสีเขียวขจีที่เห็นคือต้นข้าวที่รอวันออกรวงแล้วเปลี่ยนทุ่งเป็นสีเหลืองทอง

 

ที่ตั้ง : 49 หมู่ที่ 10 ต.สะแกโพรง อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ 31000
เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 09.00-19.00 น.
โทร : 065 097 5461 , 063 945 3228

ภาพ A HAUS cafe

 

แห่งที่สอง คือ A HAUS cafe คาเฟ่เปิดใหม่ที่ตกแต่งสไตล์โฮมมี่ให้ความรู้สึกเป็นกันเองเหมือนมาเยี่ยมบ้านเพื่อน มีที่ให้นั่ง 2 ชั้น จุดที่ถ่ายรูปสวยที่สุดคือมุมห้องใต้หลังคา นอกจากกาแฟและเครื่องดื่ม ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องเบเกอรี่ซึ่งอบสดใหม่มีให้เลือกหลายแบบ แถมราคายังสบายกระเป๋า

 

ที่ตั้ง : 91 ม.13 ถ.บุรีรัมย์-สตึก ต.ชุมเห็ด อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์
เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 07.30-18.00 น.
โทร : 061 654 9254

ภาพ CLASS Cafe Buriram

 

แห่งที่สาม คือ CLASS Cafe Buriram เอาใจสายดื่มกาแฟจริงจังกันบ้าง ร้านนี้ออกแบบในสไตล์ Loft Industrial สื่อถึงการผสมผสานของความเท่ สุขุม และลุ่มลึก เหมือนกับความกลมกล่อมของรสกาแฟที่ร้าน

 

ที่ตั้ง : 141 แยกเสนศิริอนุสรณ์ ถ.บุรีรัมย์-นางรอง ต.อิสาน อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์
เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 7.00-21.00 น.
โทร : 065 240 1803

 

 

เย็น : เฝ้ารอความมหัศจรรย์ของพระอาทิตย์ลอด 15 ช่องประตู

อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง

ถ้าไม่ได้มาที่ อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง หรือ ปราสาทหินพนมรุ้ง ถือว่ายังมาไม่ถึงบุรีรัมย์ เพราะปราสาทหินทรายสีชมพูแห่งนี้เป็นทั้งสัญลักษณ์ประจำจังหวัดและเป็นโบราณสถานแห่งสำคัญที่งดงามที่สุด ซึ่งสร้างขึ้นตามรูปแบบศิลปะเขมรโบราณเมื่อพันปีก่อน แต่ตัวปราสาทยังคงความสมบูรณ์ไว้ได้ ทำให้สัมผัสได้ถึงมนต์ขลังและความสวยงามที่อยู่เหนือกาลเวลา

 

เวลาที่เหมาะสำหรับเดินชมตัวปราสาทหินพนมรุ้งคือช่วงบ่ายคล้อยจนถึงเวลาเย็นของวัน เพราะเป็นช่วงที่แดดร่มลมตก ทำให้ไม่รู้สึกร้อนอบอ้าวมากเกินไป แต่ไฮไลท์สำคัญของทริปนี้ คือการรอชมปรากฏการณ์แสงอาทิตย์ตก ซึ่งลอดผ่านช่องประตูกึ่งกลางปราสาทหินพนมรุ้งทั้ง 15 บาน เป็นเส้นตรงพอดี โดยในเดือนมีนาคมของทุกปีมีให้ชมแค่ 3 วันเท่านั้น คือ วันที่ 5-7 มีนาคม เวลาประมาณ 17.57 น. หากพลาดครั้งนี้ สามารถดูปรากฏการณ์แสงอาทิตย์ตกได้อีกครั้งในวันเดียวกันของเดือนตุลาคม

 

ในทางความเชื่อ แสงที่ส่องผ่านตัวปราสาทหินพนมรุ้ง คือ แสงของสุริยเทพ การชมปรากฏการณ์ครั้งนี้จึงควรค่ากับการมาเห็นด้วยตาตัวเอง เท่ากับได้รับพรจากพระตรีมูรติด้วย ส่วนใครที่เป็นสายมู แนะนำให้เดินมาทางทิศเหนือของปราสาท เพื่อสักการะ ท้าวเวสสุวรรณ เสริมโชคด้านความร่ำรวยและความมั่งคั่งให้ชีวิต

 

อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
ที่ตั้ง : ต.ตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ 31110
เวลาทำการ : ทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.
ค่าเข้าชม : ชาวไทย 20 บาท (อายุ 60 ปีขึ้นไปเข้าชมฟรี) ชาวต่างชาติ 100 บาท
โทร : 044 666 251
เว็บไซต์ : อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง

 

 

ค่ำ : ดื่มด่ำบรรยากาศรื่นรมย์ยามค่ำคืน

ถนนคนเดินเซราะกราวบุรีรัมย์

หลังจากแสงสุดท้ายของวันลับขอบฟ้าไป เมื่อท้องเริ่มร้องเพราะถึงเวลามื้อเย็น แนะนำให้มาเดินหาของอร่อยกินที่ ถนนคนเดินเซราะกราวบุรีรัมย์ ริมคลองละลมโบราณ ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีรถไฟประมาณ 500 เมตร

บรรยากาศเริ่มเปิดถนนคนเดินเซราะกราวบุรีรัมย์ เวลา 16.30 น.

 

คำว่า เซราะกราว มาจากชื่อกองเชียร์ของทีมฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เป็นภาษาถิ่นหมายถึง คนบ้านนอก ชื่อของถนนคนเดินเซราะกราวบุรีรัมย์ จึงหมายความว่า ถนนของคนบ้านนอก เปรียบได้กับลานบ้านลานเมืองที่บอกเล่าวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนบุรีรัมย์ได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นจุดรวมของดีประจำท้องถิ่น มีคนในพื้นที่มาออกร้านหลายร้อยร้านค้า มีของหลากหลายทั้งของกินของใช้และงานศิลปหัตถกรรม เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในจังหวัดบุรีรัมย์ และช่วยอำนวยความสะดวกให้คนที่มาเยือนได้สัมผัสวิถีกินอยู่ของคนถิ่นอีสานใต้

 

ถนนคนเดินเซราะกราวบุรีรัมย์จึงมักจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนซึ่งตั้งใจมาดื่มด่ำบรรยากาศรื่นรมย์ยามค่ำคืนเสมอ เพราะเปิดแค่วันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 16.30-21.00 น. นอกจากนี้ยังเป็นจุดจัดงานรื่นเริงตามเทศกาลสำคัญตลอดทั้งปี ช่วยเพิ่มสีสันและความแปลกใหม่ให้ถนนคนเดิน ต่อให้มาเดินซ้ำกี่ครั้งก็ม่วนซื่นไม่มีเบื่อ

 

 

อ้างอิง

  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย. ลูกชิ้นยืนกิน สถานีรถไฟบุรีรัมย์. https://bit.ly/3T9CYIY
  • การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย. ตามรอยภูเขาไฟที่วนอุทยานเขากระโดง. https://bit.ly/3IcazM6
  • กรมศิลปากร. อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง. https://bit.ly/48rgEPk
  • บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด. ประวัติความเป็นมา สนามช้างอารีนา. https://bit.ly/49m92ig

SHARE

facebook
twitter
copy
Related articles / บทความที่เกี่ยวข้อง
Loading...