

ปักหมุดตามรอย 10 ไอเดียแคมปิ้งทั่วไทย
Travel / Thailand
16 Jul 2022 - 7 mins read
Travel / Thailand
SHARE
16 Jul 2022 - 7 mins read
เทรนด์การท่องเที่ยวแบบแคมปิ้งให้ได้นอนดูดาว ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ พักผ่อนทำกิจกรรมแสนเรียบง่ายนอกบ้านยังคงฮิตอย่างต่อเนื่องในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทย
ซึ่งนอกจากการกางเต็นท์ในเขตกางเต็นท์ของอุทยานแบบเดิม ๆ แล้ว แคมปิ้งยังมีหลากหลายสไตล์ให้ได้เลือกทั้งการนอนเต็นท์แบบหรูหรา แคมปิ้งในบรรยากาศรถบ้าน ไปจนถึงคาเฟ่สไตล์แคมปิ้งที่ให้ฟีลของการตั้งแคมป์แบบไม่ต้องค้างคืน เช่นเดียวกับ 10 แคมปิ้งที่เราจะขอชวนไปปักหมุดท่องเที่ยวไทยกัน
1. Jungle Bubble
ที่สุดของไลฟ์สไตล์แคมปิ้งไอเดียแปลกใหม่ต้องยกให้ Jungle Bubble โดมใสกลางป่าบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ พื้นที่ของอนันตรา สามเหลี่ยมทองคำ จังหวัดเชียงราย โดยโดมใสลักษณะทรงกลมนี้มีเพียง 2 หลัง ยกความหรูหราสะดวกสบายและบริการของโรงแรม 5 ดาวมาไว้ในโดมทั้งหมด ในช่วงกลางวันผู้เข้าพักสามารถใช้บริการห้องอาหาร สระว่ายน้ำ และ Facilities ต่าง ๆ ของโรงแรมได้ทั้งหมด รวมทั้งโปรแกรมเรียนรู้เรื่องช้าง ส่วนกลางคืนก็เข้าสู่บรรยากาศแคมปิ้งในโดมสุดไพรเวท สามารถนอนดูดาวได้แบบ 360 องศา และตื่นมารับอรุณด้วยความน่ารักของช้างจากมูลนิธิโกลเด้น ไทรแองเกิ้ล เอเชียน เอเลเฟนท์ ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ 400 ไร่ของผืนป่าแห่งนี้
2. Four Seasons Tented Camp
ใครที่มองหาบรรยากาศที่พักแบบเต็นท์แคมป์กลางป่า แต่ก็ยังอยากได้การพักผ่อนที่สะดวกสบายพร้อมบริการด้านต่าง ๆ ครบถ้วน Four Seasons Tented Camp คือคำตอบของเต็นท์แคมป์แนวลักชัวรีในป่าอำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย ออกแบบบรรยากาศเต็นท์โดย Bill Bensley นักออกแบบรีสอร์ตชื่อดังระดับโลกที่นำธีมของนักบุกเบิกในศตวรรษที่ 19 มาใส่ในเต็นท์ทั้ง 16 หลัง ซึ่งแต่ละหลังสะดวกสบายไม่ต่างจากโรงแรม บางหลังก็มีจากุซซี่ให้ได้แช่น้ำฟินกลางธรรมชาติ ที่นี่เหมาะสำหรับคนที่ต้องการพักผ่อนชาร์จแบตอย่างแท้จริง เพราะไม่มีทีวี ฟิตเนส มีแต่ผืนป่าและกิจกรรมการเรียนรู้เกี่ยวกับช้าง ซึ่งเป็นช้างเร่ร่อน ช้างปลดประจำการที่ได้รับการอุปการะ
3. หินตกริเวอร์แคมป์
ตำนานเต็นท์แคมป์สไตล์ซาฟารีติดแอร์ ตั้งอยู่ในบรรยากาศของผืนป่าริมแม่น้ำแควน้อย จังหวัดกาญจนบุรี ในราคาที่เอื้อมถึง ความโดดเด่นของที่นี่คือเรื่องสถานที่ตั้งที่ห่างไกลจากตัวเมือง และใกล้กับพื้นที่ประวัติศาสตร์สงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างช่องเขาขาด วิธีการเที่ยวที่นี่จึงแนะนำให้แวะพิพิธภัณฑ์ เดินป่าชมช่องเขาขาดของจริง แล้วจึงเข้าเช็กอินที่หินตกริเวอร์แคมป์ ซึ่งถ้ามากับก๊วนเพื่อนหรือครอบครัวก็สามารถก่อกองไฟแคมปิ้งใต้แสงดาว ตื่นเช้ามาจิบกาแฟหน้าแคมป์ และคว้าจักรยานออกไปปั่นชมธรรมชาติและหมู่บ้านรอบ ๆ ได้อีกด้วย
4. Singha Park Camping
แคมปิ้งท่ามกลางไร่ชา แปลงดอกไม้นับพันไร่ที่โอบล้อมด้วยหุบเขาของจังหวัดเชียงราย อันที่จริงเมื่อพูดถึงสิงห์ปาร์ค นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะนึกถึงทุ่งดอกไม้ ไร่ชา เทศกาลบอลลูน ดนตรีกลางสวน และกิจกรรมสนุก ๆ สำหรับทุกคนในครอบครัว แต่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่ามุมหนึ่งของไร่เปิดให้บริการที่พักแบบเต็นท์แคมป์ มีให้เลือกทั้งแคมป์แบบรถบ้านและลานกางเต็นท์ ซึ่งในส่วนของลานกางเต็นท์นั้นจะมีสนามหญ้ารองรับสำหรับคนที่นำเต็นท์มาเอง และสำหรับใครที่ไม่ได้นำเต็นท์มา ทางไร่ก็มีเต็นท์กระโจมให้บริการ แต่ละเต็นท์มีโต๊ะเก้าอี้หน้าเต็นท์ให้ได้นั่งชิลยามเช้า พร้อมอาหารเช้าเสิร์ฟให้ถึงหน้าเต็นท์พร้อมบรรยากาศความสดชื่นยามเช้าของเชียงราย
5. Kamaboko Coffee Camp
ใจกลางกรุงเทพฯ ก็มีแคมปิ้ง แต่เป็นคาเฟ่แคมปิ้งริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในบรรยากาศความร่มรื่นของร่มไม้ใหญ่ โดยชื่อร้านมาจากชื่อเต็นท์รุ่น Kamaboko ซึ่งเป็นเต็นท์ยอดนิยมของแบรนด์อุปกรณ์แคมปิ้ง DOD แน่นอนว่าทางคาเฟ่ได้นำเต็นท์รุ่น Kamaboko มากางเป็นกระโจมสำหรับนั่งจิบกาแฟ รวมทั้งในส่วนของบาร์กาแฟก็อยู่ในเต็นท์หลังใหญ่ด้วยเช่นกัน โดยที่นี่เน้นกาแฟแบบสโลว์บาร์ให้ฟีลเหมือนกำลังไปกางเต็นท์กลางป่าที่คนส่วนใหญ่จะเลือกหยิบอุปกรณ์ เช่น ดริปเปอร์, เฟรนช์เพรส ไปสร้างกรุ่นกลิ่นหอมกาแฟกลางป่า แต่ตัดภาพมาที่ริมเจ้าพระยาก็ชิลได้เช่นกัน
6. Eureka Beach Café
เมื่อแสงแดดฤดูร้อนมาถึง แคมปิ้งริมทะเลก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่ฮอตสุดๆ และต้องมีชื่อของ Eureka Beach Café ติดหนึ่งในนั้น ที่นี่อยู่ใกล้กับวนอุทยานปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ขับรถเลยจากหัวหินไปไม่ไกลมาก เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหลีกหนีความจอแจของตัวเมืองหัวหิน แล้วใช้ความสุขกับความเงียบสงบของชายหาดให้เต็มที่ แม้จะได้ชื่อว่าคาเฟ่ แต่ที่นี่มีบริการทั้งอาหาร กาแฟ เต็นท์ รถบ้าน ดูหนัง และกิจกรรมทางน้ำ เรียกได้ว่าเป็นบีชคลับขนาดย่อมก็ได้ โดยใครที่อยากแคมปิ้งริมชายหาดในบรรยากาศรถบ้านก็สามารถจองเช็กอินได้ ส่วนใครที่เวลาน้อยแต่อยากชิลในแบบแคมปิ้ง ที่นี่ก็มีที่นั่งแบบเต็นท์กระโจมริมชายหาดให้ได้กินมื้อสาย จิบกาแฟ เป็นอีกประสบการณ์การเที่ยวปราณบุรีที่ทำให้ไม่อยากเช็กเอาต์กลับบ้านเลยทีเดียว
7. สวนละไม
สวนละไม ไม่ใช่แค่ชื่อสวนไม้ดังจังหวัดระยองที่เปิดสวนให้ได้เข้าไปกินบุฟเฟต์ผลไม้อย่างทุเรียน เงาะ มังคุด ในทุกฤดูร้อนเท่านั้น แต่ที่นี่ยังมีลานกางเต็นท์ริมน้ำ และที่พักแบบรถบ้านกลางหุบเขาซึ่งลบภาพว่ามาระยองแล้วต้องไปแต่ทะเลได้เลย โดยรถบ้านของที่นี่ตั้งอยู่รอบอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ แต่ละหลังกระจายอยู่ห่างกัน บริการอาหารเช้าครบครัน แถมยังเป็น Pet Friendly สามารถพาสัตว์เลี้ยงแสนรักไปพักผ่อนในบรรยากาศแคมปิ้งพร้อมกันได้อีกด้วย
8. Camp Cafe Ari
คาเฟ่น่ารักในซอยอารีย์สร้างสรรค์บรรยากาศให้คนอยากไปแคมปิ้งแต่ไม่มีเวลาได้มาทดลองสัมผัสบรรยากาศกันสักหน่อย เหมาะสำหรับสายถ่ายรูปเป็นที่สุด เพราะแม้จะมีพื้นที่ไม่กว้างนัก แต่ทางร้านได้จัดโซนที่นั่งเป็นกระโจมเล็ก ๆ ในสวนริมสระว่ายน้ำ แต่ละกระโจมก็มีพร็อปส์จัดเต็มสำหรับถ่ายรูปได้หลากหลายมุม สั่งขนมหวาน เค้ก ครัวซองต์มากินคู่กาแฟ ทำให้หายคิดถึงแคมปิ้งแบบจัดเต็มได้เหมือนกัน
9. Lalamukha Tented Resort
ใครอยากนอนเต็นท์แต่ต้องการความสะดวกสบายที่มากกว่าลานกางเต็นท์ในอุทยาน และต้องการการบริการแบบโรงแรมพ่วงเข้ามา Lalamukha Tented Resort คืออีกตัวเลือกกับเต็นท์แคมป์กลางธรรมชาติของเขาใหญ่ และมีต้นไม้ใหญ่เป็นเหมือนกำแพงเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้แต่ละเต็นท์ พร้อมเครื่องปรับอากาศครบครัน เริ่มจาก Eco Safari Tent ที่ตกแต่งภายในเหมือนกำลังนอนเต็นท์แคมป์หรู ๆ ในดินแดนซาฟารี มีเตียงนุ่ม ๆ และเฟอร์นิเจอร์ไม้เล็กน้อย ส่วน Deluxe Savanna Tent ก็จะเป็นเตียงเดี่ยวที่ใหญ่ขึ้น ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำในตัว ซึ่งทุกเต็นท์สามารถมาใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลางของรีสอร์ตได้อีก
10. River Tales
ที่พักในบรรยากาศเต็นท์แคมป์ท่ามกลางผืนป่ามรดกโลกแก่งกระจาน และใกล้กับความชุ่มฉ่ำของแม่น้ำเพชรบุรี เน้นให้แขกผู้เข้าพักใช้เวลาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ เต็นท์แต่ละหลังมีขนาดใหญ่ ประตูไม้แน่นหนา จะเรียกว่าเป็นการออกแบบห้องพักที่ได้แรงบันดาลใจจากเต็นท์ก็ว่าได้ ไฮไลต์คืออ่างจากุซซี่ และห้องพักโซนริมน้ำที่เพียงเปิดประตูก็กระโดดลงเล่นน้ำได้ทันที