

รู้จัก Dupe เทรนด์มาแรงที่ชวนเลือกใช้ของแทนแบรนด์ดังได้ แถมไม่ต้องจ่ายแพง
Lifestyle / Trends
10 Sep 2024 - 4 mins read
Lifestyle / Trends
SHARE
10 Sep 2024 - 4 mins read
เป็นเหมือนกันไหม ? ในทุก ๆ เดือน คุณต้องหมดเงินไปกับค่าเครื่องสำอาง สกินแคร์ น้ำหอม เสื้อผ้า กระเป๋า และรองเท้า รวมกันเป็นจำนวนเงินที่เยอะมากจนน่าตกใจ
ถึงอย่างนั้น ก็เป็นเรื่องเข้าใจได้ เพราะทุกคนอยากแต่งสวยเติมหล่อให้ตัวเองดูดีอยู่เสมอ จึงยอมจ่ายเงินซื้อของราคาแพงจากแบรนด์ดังด้วยความมั่นใจในคุณภาพของสินค้าเหล่านั้น
แต่เดี๋ยวก่อน ! หากมีสินค้าตัวใหม่จากแบรนด์อื่น ๆ ที่ใช้ทดแทนกันได้ เปิดโอกาสให้คุณไม่จำเป็นต้องซื้อของแพงจากแบรนด์ดัง แถมราคายังถูกกว่าครึ่งหนึ่ง คุณจะทำอย่างไร ?
ทางเลือกใหม่ที่ชวนให้คุณตัดสินใจนี้เอง คือกระแสของเทรนด์ไลฟ์สไตล์ที่เรียกว่า Dupe และถ้าหากยังไม่แน่ใจว่าจะเปิดใจลองหรือไม่ เนื้อหาในบทความนี้ของ LIVE TO LIFE น่าจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
Dupe คืออะไร ?
แล้วทำไมถึงกลายเป็น ‘เทรนด์ไลฟ์สไตล์’
หากค้นหาแฮชแท็ก #dupe ในสื่อสังคมออนไลน์ โดยเฉพาะใน TikTok จะพบว่า มีคลิปและคอนเทนต์แนวรีวิวจำนวนมากที่แนะนำให้หันมาใช้ผลิตภัณฑ์หรือสินค้าเทียบแบรนด์ดัง เพราะว่านอกจากจะมีคุณภาพและคุณสมบัติใกล้เคียงกันแล้ว ยังมีจุดเด่นที่ชวนล่อใจ คือ ราคาถูกแบบสบายกระเป๋า ทำให้ไม่ต้องเสียเงินซื้อของราคาแพงเกินจำเป็นอย่างที่ผ่านมา เกิดเป็นกระแสบอกต่อของดีให้คนอื่น ๆ เปลี่ยนใจมาใช้ของราคาถูก
นี่คือ Dupe Culture หรือ Dupe Phenomenon เป็นปรากฏการณ์ของเทรนด์ไลฟ์สไตล์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกและยังคงได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะคนส่วนมากเริ่มเปิดใจและเปิดกว้างให้กับการทดลองใช้สินค้าหลากหลายระดับทั้งของถูกและของแพงเพื่อเปรียบเทียบคุณภาพและการใช้งาน จนพบว่า มีของบางชิ้นที่ให้แทนกันได้ ซึ่งของราคาถูกส่วนใหญ่ที่สามารถใช้แทนของราคาแพง เกิดจากความตั้งใจเลียนแบบคุณสมบัติเด่นบางอย่าง คำว่า Dupe จึงเป็นคำที่ย่อมาจาก Duplicate เพื่อสื่อความหมายถึง การทำซ้ำ คัดลอก หรือเลียนแบบให้เหมือนนั่นเอง
ในความเป็นจริง เทรนด์ไลฟ์สไตล์ Dupe สามารถเกิดขึ้นได้กับของทุกอย่าง โดยไม่ได้จำกัดอยู่แค่วงการเครื่องสำอางและสินค้าแฟชันเท่านั้น อย่างความพยายามแกะสูตรลับของร้านอาหารหรือคาเฟ่แบรนด์ดัง เพื่อจงใจปรุงอาหาร อบขนม ชงกาแฟ และทำน้ำปั่นสุขภาพที่บ้านให้เหมือนได้ไปกินที่ร้าน หรือตอนที่เดินเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ต จะเห็นสินค้าประเภทเดียวกันหลายชิ้นที่ตั้งใจออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้ดูคล้ายกันมาก โดยเฉพาะสินค้าเพื่ออุปโภคและขนมขบเคี้ยว ก็นับเป็น Dupe ทั้งหมด
เทรนด์ Dupe จึงแทรกซึมอยู่กับการบริโภคและการจับจ่ายซื้อของรอบตัวมาตั้งนานแล้ว ซึ่งคนส่วนใหญ่อาจไม่ทันได้สังเกตเห็น เพราะไม่ได้เป็นเทรนด์ที่มีชื่อเรียกชัดเจน จนกระทั่งเกิดขึ้นกับสินค้าเพื่อความสวยงาม จึงเกิดคำว่า Dupe ขึ้นมาและกลายเป็นกระแสในวงกว้าง เชิญชวนให้ใครหลายคนลองเลือกใช้สินค้า Dupe โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ และคนที่สนใจแฟชันและผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลตัวเอง
‘ถูกและดี’ มีจริงหรือ ?
ข้อชวนคิดเกี่ยวกับสินค้า Dupe
เชื่อว่าหลายคนยังคงตั้งธงในใจทำนองว่า ขึ้นชื่อว่าของเลียนแบบ ไม่ว่าจะทำออกมาดีแค่ไหน ก็คงดีได้ไม่เท่ากับของแพงจากแบรนด์ดัง เพราะคนจำนวนไม่น้อยยังไม่มั่นใจในคุณภาพของสินค้า Dupe จึงเลือกซื้อสินค้าราคาแพงเหมือนเดิม เพื่อจะได้ใช้ของคุณภาพดีต่อไป โดยไม่ต้องกังวลถึงปัญหาหรือความยุ่งยากที่อาจเกิดขึ้นตามมาได้ เช่น อาการแพ้หรืออาการระคายเคืองจากเครื่องสำอาง หรือเสื้อผ้าที่ขาดง่าย กลายเป็นคำถามชวนคิดว่า สินค้า Dupe ที่ชูจุดเด่นเรื่อง ‘ราคาถูกและคุณภาพดี’ เชื่อถือได้ขนาดไหน ?
เรื่อง ‘ราคาถูก’ ถือเป็นความจริงแน่นอน เพราะราคาของสินค้า Dupe ส่วนใหญ่ มักตั้งราคาขายถูกกว่าสินค้าแบรนด์ดังประมาณ 50-70% คือถูกมากกว่าครึ่งหนึ่ง ด้วยราคาที่ถูกลงมาก ทำให้คนตัดสินใจทดลองซื้อไปใช้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องคิดเล็กคิดน้อยเรื่องความไม่คุ้มค่า หากใช้แล้วดี ก็ถือว่าเจอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่เป็นตัวเลือกให้เอาไว้ใช้แทนของแพงจากแบรนด์ดัง
แต่เรื่อง ‘คุณภาพดี’ ยังเป็นเรื่องที่ชี้ขาดเหมือนราคาถูกไม่ได้ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องสำอาง เพราะต้องลองใช้ผลิตภัณฑ์ด้วยตัวเองก่อน ส่วนสินค้าในกลุ่มแฟชัน อาจตัดสินได้ง่ายกว่าจากการตรวจดูคุณภาพของเนื้อผ้า การออกแบบ การตัดเย็บ และการเลือกใช้วัสดุว่ามีความยืดหยุ่นและทนทานมากแค่ไหนเมื่อเปรียบเทียบกับสินค้าต้นแบบจากแบรนด์ดัง ซึ่งสินค้ากลุ่มแฟชันที่ได้รับความนิยมตามกระแสเทรนด์ Dupe ส่วนใหญ่ มักจะเป็นของมีคุณภาพพอใช้ได้ ไม่ถึงขั้นเรียกว่าคุณภาพดี
คำว่า ‘ถูกและดี’ สำหรับสินค้า Dupe จึงไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไป ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้บริโภคว่าสามารถยอมรับข้อจำกัดเรื่องราคาและคุณภาพได้มากน้อยแค่ไหน
Dupe VS ปลอม
ใช้ของเลียนแบบสินค้าแบรนด์ดัง
เท่ากับใช้ของปลอมหรือไม่ ?
ต้องเข้าใจก่อนว่า ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ใครก็ตามหากใช้สินค้าเลียนแบบหรือของปลอมที่ตั้งใจลอกเลียนแบบให้เหมือนสินค้าแบรนด์ดัง โดยเฉพาะสินค้าแฟชัน ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า และเครื่องประดับ มักจะถูกมองเป็นเรื่องน่าอายที่ไม่ควรทำ เพราะถือว่าละเมิดลิขสิทธิ์และสนับสนุนให้คนอื่นทำผิดกฎหมาย จึงเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้
ขณะที่คนรุ่นใหม่มองว่าการใช้สินค้า Dupe ไม่เข้าข่ายการใช้ของปลอม เพราะไม่ได้จงใจปิดบังว่าใช้สินค้า Dupe ในทางตรงกันข้าม หากใช้แล้วดีจะบอกต่อและแนะนำให้คนอื่นรู้จักและลองใช้ตาม นอกจากนี้สินค้า Dupe ยังต่างจากของปลอมอย่างสิ้นเชิง เพราะของปลอมตั้งใจเลียนแบบสินค้าแบรนด์ดังให้ออกมาเหมือนกันมากที่สุด หากมองผิวเผินอาจแยกค่อนข้างยากว่า ชิ้นไหนของแท้ ชิ้นไหนของปลอม
แต่จุดเด่นของสินค้า Dupe อยู่ที่มีลักษณะของดีไซน์และฟังก์ชันบางอย่างเท่านั้นที่คล้ายกับสินค้าแบรนด์ดัง ไม่ว่าจะเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญหรือตั้งใจก็ตาม ซึ่งผลิตและขายโดยใช้ชื่อแบรนด์ใหม่เป็นของตัวเอง เมื่อผู้บริโภคเห็นแล้ว รู้ทันทีว่าไม่ใช่สินค้าของแบรนด์ดัง แค่ใช้ดีและใช้แทนกันได้
Dupe จึงเป็นเทรนด์ไลฟ์สไตล์ที่เสนอทางเลือกใหม่ให้คนทดลองใช้สินค้าที่มีคุณภาพและคุณสมบัติเทียบเคียงสินค้าแบรนด์ในราคาเป็นมิตร สำหรับคนที่อยากประหยัดค่าใช้จ่าย ถึงแม้ว่าจะมีเงินมากพอซื้อสินค้าราคาแพงจากแบรนด์ดังก็ตาม ส่วนการตัดสินใจว่าจะใช้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจและความชอบของแต่ละคน
สำหรับคนที่สนใจอยากใช้ของเทียบแบรนด์ดังตามเทรนด์ Dupe โดยเฉพาะเครื่องสำอางและสกินแคร์ LIVE TO LIFE มีเคล็ดลับ 3 ข้อ สำหรับเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ให้ปลอดภัยและสบายใจ ดังนี้
1. ตรวจสอบข้อมูลบนฉลาก : เครื่องสำอางและสกินแคร์คุณภาพต้องมีข้อมูลเหล่านี้บอกไว้อย่างชัดเจนและครบถ้วน ได้แก่ ชื่อและชนิดของผลิตภัณฑ์ ชื่อส่วนผสมทุกชนิด วิธีใช้ สถานที่ผลิต สถานที่นำเข้า ปริมาณสุทธิ เลขที่แสดงครั้งที่ผลิต เดือนปีที่ผลิตและหมดอายุ คำเตือน เลขที่ผลิตภัณฑ์สุขภาพ 10 หรือ 13 หลัก ออกให้โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อป้องกันการแอบอ้างและการขึ้นทะเบียนปลอม ให้นำเลขที่ตรวจสอบได้ที่ https://www.fda.moph.go.th/
หากเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผสมสมุนไพร เช่น แชมพู สบู่ก้อน สบู่เหลว ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ผลิตและจัดจำหน่ายโดยผู้ประกอบการประเภทวิสาหกิจขนาดกลาง วิสาหกิจชุมชน และวิสาหกิจขนาดย่อม (SMEs) ให้ดูตรามาตรฐานอุตสาหกรรมเพิ่มเติม ตรวจสอบได้ที่ https://www.tisi.go.th/
2. ตรวจดูสภาพบรรจุภัณฑ์ : ก่อนเปิดใช้ ลักษณะของบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ต้องอยู่ในสภาพดีและสมบูรณ์ ไม่รอยแกะ ฉีกขาด แตกรั่ว ร้าว หรือชำรุดเสียหาย เพราะทำให้ผลิตภัณฑ์เกิดการปนเปื้อนสิ่งแปลกปลอม รวมถึงต้องได้รับการเก็บรักษาเป็นอย่างดี ไม่ได้อยู่ในที่ร้อนหรือโดนแสงแดด เพราะจะทำให้คุณภาพและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ลดลง
3. ทดสอบคุณภาพก่อนใช้งาน : ในเครื่องสำอางและสกินแคร์อาจมีส่วนผสมที่สร้างความระคายเคืองได้ จึงจำเป็นต้องทดสอบคุณภาพก่อนใช้งานจริง ด้วยวิธีการทาผลิตภัณฑ์ในปริมาณเล็กน้อยที่ท้องแขน แล้วทิ้งไว้ 24-48 ชั่วโมง หากไม่มีอาการแพ้หรือความผิดปกติเกิดขึ้น แสดงว่าผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัย และสามารถใช้ทาบนใบหน้าและผิวกายได้
ถึงตรงนี้ คุณน่าจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้นแล้วว่า จะลองใช้สินค้า Dupe หรือไม่ ?
อ้างอิง
- Amelia Hill. Counterfeit goes cool: high-end brands urged to embrace rise of #dupe. https://bit.ly/4dC32nS
- Avnie Bansal. Dupe Culture: Sincere Flattery Or Brand Sabotage?. https://bit.ly/4dFMFGG