5 วิธีจัดบ้านคลายร้อนตามหลักฮวงจุ้ย ช่วยลดอุณหภูมิให้เย็นกาย อยู่บ้านได้อย่างสบายใจ

26 Apr 2024 - 7 mins read

Lifestyle / Home & Living

Share

ปลูกต้นไม้ แต่งบ้านด้วยอ่างน้ำล้น ติดตั้งกันสาดลดทอนความร้อนของแสงแดด เปิดประตูหน้าต่างให้ลมพัดผ่าน และการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ในบ้านไม่ให้บังทิศทางลม

 

ทุกวิธีที่กล่าวมาล้วนเป็นการปรับเปลี่ยนบ้านให้อยู่เย็นเป็นสุขขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย

 

แต่จะยิ่งดีกว่านั้น หากทำตามทุกวิธีดังกล่าวโดยเอาหลักฮวงจุ้ยมาผสมผสาน เพื่อผลลัพธ์การเป็นบ้านที่อยู่แล้วสบายกาย เย็นใจ เสริมพลังมงคลด้านโชคลาภและความเจริญรุ่งเรืองเป็นของแถม

 

หากพร้อมแล้ว เตรียมตัวจัดบ้านคลายร้อนตามหลักฮวงจุ้ยให้มั่งมีศรีสุขตลอดปีตลอดไปกันเลย

 

1.

ปลูกต้นไม้ถูกชนิด ตามทิศมงคล

ดึงดูดพลังงานดีเข้าบ้าน

 

เราเรียนวิชาวิทยาศาสตร์กันมาตั้งแต่เด็ก และทราบดีว่าต้นไม้ช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และปล่อยก๊าซออกซิเจนออกมา ดังนั้น ต้นไม้จึงช่วยให้เพิ่มอากาศบริสุทธิ์และลดอุณหภูมิโดยรอบให้เย็นลงทันใจ โดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องปรับอากาศ 

 

ส่วนในศาสตร์ฮวงจุ้ยของจีนหรือภูมิปัญญาของคนไทยโบราณที่มีความเชื่อเรื่อง ‘ไม้มงคล’ ก็ใช้หลักการเดียวกัน นั่นคือ ต้นไม้บางประเภทช่วยดึงดูดพลังงานที่ดีเข้ามาในบ้านและขจัดพลังงานที่ไม่ดีออกไป

 

ทั้งนี้ หัวใจของฮวงจุ้ยคือการทำที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม ดังนั้น การเลือกสรรต้นไม้มงคลมาปลูกทั้งเพื่อให้บ้านเย็นขึ้น อยู่สบายในหน้าร้อน และเสริมสิริมงคลไปในตัว จึงประกอบทั้งการเลือกชนิดของต้นไม้และศึกษาทิศทางของแดดให้เหมาะสมกับการปลูกต้นไม้แต่ละประเภท

 

เริ่มกันที่บ้านที่มีบริเวณและต้องการปลูกต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา ควรปลูกเรียงในแนวทิศใต้และตะวันตก และเลือกพันธุ์ไม้ที่ระบบรากไม่เข้าไปทำลายส่วนของอาคาร มีลักษณะพุ่มใบที่สามารถปกป้องหลังคาอาคารจากแสงแดดได้ และที่สำคัญจะต้องมีความสูง ทนทาน แข็งแรงต่อสภาพลมพายุ จะให้ดีควรเป็นไม้ชนิดไม่ผลัดใบมาก เพื่อช่วยให้บ้านเย็นสบายได้ตลอดทั้งปี

 

ด้วยความที่ทิศทางลมในฤดูร้อนของประเทศไทยจะพัดมาจากทิศใต้และทิศตะวันออกเฉียงใต้ การปลูกต้นไม้ไว้ใต้ลมในบริเวณบ้าน จะทำให้ลมที่พัดเข้ามาปะทะกับต้นไม้ใหญ่หรือต้นไม้ที่เป็นพุ่ม แล้วเกิดการหักเหของลมเข้าสู่ลานบ้าน ไหลเวียนไปทางประตู หรือหน้าต่างทำให้เกิดความเย็นสบายขึ้นนั่นเอง

 

สำหรับบ้านที่มีพื้นที่น้อยหรือปูพื้นปูนจะทำให้บ้านรับแสงแดดมาก เกิดการสะสมความร้อนไว้สูงจนทำให้พื้นร้อนระอุ ทางแก้ คือ นำไม้กระถางมาวางเรียงไว้รอบบ้าน เพื่อลดความร้อนและช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้บริเวณโดยรอบ หากบ้านไหนมีดาดฟ้า ควรนำไม้กระถางไปวางบนดาดฟ้าเพื่อช่วยซับความร้อนและลดอุณหภูมิบนหลังคา เพราะต้นไม้จะช่วยกรองแสงและความร้อนให้เข้าบ้านอย่างพอดี สร้างสมดุลให้พลังมงคลได้ 

 

ส่วนใครที่ยังไม่รู้ว่าจะปลูกต้นอะไร ณ ตำแหน่งไหนของบ้าน ลองพิจารณาตัวเลือกของต้นไม้ 5 ต้นดังต่อไปนี้ที่นอกจากจะช่วยเพิ่มร่มเงาให้กับบ้านแล้ว ยังเสริมสิริมงคลไปในตัว

 

ต้นเล็บครุฑ

 

เล็บครุฑเป็นไม้พุ่มที่ขนาดไม่ใหญ่นัก ใบมีลักษณะเล็กเป็นขอบหยักและมีลวดลายด่างขาวแซม มองคล้ายเล็บครุฑจึงเป็นที่มาของชื่อ คนโบราณเชื่อว่าหากปลูกต้นเล็บครุฑไว้ประจำบ้านจะช่วยปกป้องคุ้มภัยและเกิดความสงบสุข ทั้งยังช่วยป้องกันภัยอันตรายจากศัตรูภายนอกได้ ตามลักษณะของพญาครุฑนั่นเอง

 

ทิศที่ควรปลูก : ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เพราะเป็นทิศที่ไม่ได้โดนแดดตลอดวัน เหมาะกับต้นไม้ที่ดูแลง่ายอย่างเล็บครุฑ และควรปลูกในวันอังคาร เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เพื่อเอาประโยชน์ทั่วไปทางใบควรปลูกในวันอังคาร

 

การดูแล : รดน้ำเช้าและเย็น หรือวันละครั้ง ปลูกในกระถางวางในที่ร่มมีแสงแดดส่องถึงไม่มาก สามารถวางในบ้านได้ในบริเวณที่มีแดดส่องถึงเล็กน้อย

 

ต้นโมก

 

โมกเป็นไม้พุ่มชอบแดด ทนแล้ง และทนน้ำขังได้นาน ออกดอกเล็ก ๆ สีขาวส่งกลิ่นหอมเย็นตอนค่ำ โมกที่นิยมปลูกมีทั้ง “โมกซ้อน” ที่มีกลีบดอกหลายชั้น นิยมปลูกเป็นแนวรั้วกำแพง และ “โมกลา” ที่มีกลีบชั้นเดียวและลำต้นคดเคี้ยว คนไทยโบราณเชื่อกันว่าบ้านใดปลูกต้นโมกไว้ประจำบ้านจะทำให้เกิดความสุขสงบ ช่วยปัดเป่าและป้องกันสิ่งชั่วร้ายไม่ให้มาทำร้ายคนในบ้าน 

 

ทิศที่ควรปลูก : ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และปลูกในวันเสาร์ เพื่อความเป็นสิริมงคล

 

การดูแล : ควรเลือกตำแหน่งปลูกต้นโมกในบริเวณที่รับแสงแดดตลอดทั้งวันจะทำให้ออกดอกได้ดี และรดน้ำเพียงสัปดาห์ละครั้งก็พอ

 

ต้นยางอินเดีย

 

ยางอินเดียเป็นไม้ใหญ่ ที่เมื่อนำมาปลูกใส่กระถางก็กลายเป็นไม้เล็กที่โตช้าทันที ยางอินเดียจึงปลูกได้ทั้งในและนอกบ้าน โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ใบแข็งเงาเป็นมันรูปทรงรี หากปลูกในบ้านควรทำความสะอาดใบเสมอ ด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดที่ใบเพื่อกำจัดเศษฝุ่นและสิ่งสกปรก เพื่อให้ใบเงางาม ตามหลักฮวงจุ้ยเชื่อว่ายางอินเดียเป็นตัวแทนของธาตุไม้ ซึ่งหมายถึงการเจริญเติบโต หากนำยางอินเดียไปวางในมุมอับของห้องจะเป็นการช่วยเพิ่มชีวิตชีวา หรือหมายถึงการช่วยเพิ่มพลังชีวิตให้กับบ้านได้นั่นเอง

 

ทิศที่ควรปลูก : ปลูกโดยหันไปทางทิศตะวันออก เพราะเป็นทิศที่ส่งเสริมธาตุไม้ ช่วยให้เกิดการเติบโตและมีชีวิตชีวา และควรหลีกเลี่ยงการวางต้นยางอินเดียไว้ใกล้ประตูหรือในที่มีแสงแดดส่องถึงโดยตรง เพราะจะรบกวนการไหลเวียนของชี่ เป็นการขัดต่อฮวงจุ้ย

 

การดูแล : หากปลูกยางอินเดียนอกบ้านสามารถโดนแสงแดดจัด ๆ ได้ ส่วนถ้าปลูกในบ้านควรให้โดนแสงแดดรำไร 3-5 ชั่วโมง การรดน้ำควรรดน้ำจนแฉะ แล้วรอจนกว่าดินจะแห้งสนิทถึงค่อยรดน้ำอีกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้รากเน่าและใบเหลือง ควรตัดแต่งใบที่แก่และกิ่งของต้นออก เพื่อให้เกิดการแตกใบใหม่อยู่เสมอ

 

ต้นพลูด่าง

 

พลูด่างเป็นไม้เลื้อยที่มีรูปทรงของใบน่ารักเป็นรูปหัวใจ แถมยังมีคุณสมบัติพิเศษในการดูดซับสารพิษได้ดี โดยเฉพาะหากปลูกพลูด่างไว้ในห้องน้ำจะช่วยดูดซับแอมโมเนียและฟอกอากาศให้สะอาดถ่ายเทได้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังเชื่อกันว่าพลูด่างช่วยเพิ่มพูนบารมีและทรัพย์สิน เติมความสงบสุขและความราบรื่นให้คนในบ้านอีกด้วย 

 

ทิศที่ควรปลูก : ทิศตะวันตก เพราะเป็นทิศที่โดนแสงแดดจัดในช่วงเย็นมากที่สุด จึงเหมาะกับทั้งการปลูกไม้ใหญ่ที่ทนแดดจัดได้ดีและไม้เลื้อยที่ช่วยบังแดดยามบ่ายอย่างพลูด่าง

 

การดูแล : พลูด่างขึ้นชื่อเรื่องเลี้ยงง่าย โตไว ขอแค่ได้น้ำและโดนแดดรำไรก็สามารถเลื้อยไปได้ทุกที่

 

ต้นไผ่

 

ต้นไผ่คือสัญลักษณ์แห่งความสง่างามเหนือธรรมชาติตามตำราฮวงจุ้ยของจีน และด้วยลักษณะของต้นไผ่ที่มีลำต้นเหยียดตรง แข็งแรง ต้านทานแรงลมได้ดี จึงเชื่อกันว่าบ้านไหนปลูกไผ่จะยิ่งเสริมมงคลให้ผู้อยู่อาศัยมีความมุ่งมั่น ตั้งใจจริง มีสติปัญญา ซื่อสัตย์ ไม่คดโกงเอารัดเอาเปรียบใครตามลักษณะเด่นของต้นไผ่นั่นเอง

 

ด้วยความที่ต้นไผ่มีหลายชนิดจึงควรเลือกปลูกให้เหมาะสม คนโบราณเชื่อกันว่าหากปลูก “ไผ่สีสุก” จะช่วยให้สมาชิกในบ้านประสบความสำเร็จ ร่ำรวยเงินทอง และมีความสุขกันถ้วนหน้า ตามชื่อของไผ่ที่พ้องกับคำว่า “มั่งมีศรีสุข” นั่นเอง

 

หรือหากบ้านไม่มีพื้นที่ สามารถเลือกปลูกไผ่กวนอิมในบ้านแทนได้ เพราะถือเป็นไม้มงคลที่ช่วยให้พลังชี่ไหลผ่านเข้าไปบำรุงรักษาในร่างกายได้อย่างง่ายดาย หรือหากวางไผ่กวนอิมประดับโต๊ะทำงานก็จะช่วยเสริมด้านโชคลาภ นำพาเงินทองมาสู่ผู้เป็นเจ้าของอีกด้วย

 

ทิศที่ควรปลูก : ควรปลูกไผ่ไว้ริมรั้วหรือบริเวณที่โล่งกว้างทางทิศตะวันออก เพื่อจะได้รับแสงแดดยามเช้า และควรปลูกไผ่ในวันเสาร์จึงจะเป็นมงคล

 

การดูแล : ต้นไผ่เป็นไม้ที่ทั้งชอบแดดจัดและชอบน้ำ ควรเริ่มปลูกไผ่ในฤดูฝน (ระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงกันยายน) เพราะเป็นระยะที่ต้องการน้ำมาก การปลูกไผ่ในหน้าฝนจึงไม่ต้องกังวลเรื่องรดน้ำไม่เพียงพอ 

 

2.

แต่งบ้านด้วย ‘น้ำ’

เติมความเย็นให้ถูกตำแหน่ง

 

ศาสตร์ฮวงจุ้ยเชื่อกันว่าการตั้งอ่างน้ำล้นจะช่วยให้อยู่เย็นเป็นสุข เสริมสิริมงคลให้ผู้อยู่อาศัย มีความเจริญรุ่งเรืองเหมือนน้ำที่ล้นออกมาจากอ่าง ในทางปฏิบัติก็ถือเป็นการสร้างความสบายตา เย็นใจ ลดความร้อน และช่วยกักเก็บพลังมงคลไว้กับบ้าน โดยการจัดวางอ่างน้ำล้นให้ถูกหลักฮวงจุ้ยมีหลักในการพิจารณา ดังนี้

 

ควรเลือกอ่างน้ำล้นทรงกลม

 

ตามหลักฮวงจุ้ย เชื่อว่าอ่างน้ำล้นรูปทรงกลมแบบโอ่งหรืออ่างโบราณจะช่วยเสริมพลังงานที่ดีให้กับผู้อยู่อาศัยในบ้าน โดยเฉพาะด้านโชคลาภเงินทอง เช่นเดียวกับการเลือกน้ำพุที่ควรมีลักษณะเป็นทรงกลม ทรงรี หรือมีรูปทรงที่โค้งมน ไม่มีเหลี่ยมแหลมคม สื่อถึงการไม่มีอุปสรรคหรือศัตรูที่มีเล่ห์เหลี่ยมคอยทิ่มแทง ส่งเสริมชีวิตราบรื่นมีความสุข

 

ขนาดของอ่างน้ำล้นต้องสมดุลกับพื้นที่

 

ควรเลือกขนาดของอ่างน้ำล้นให้สัมพันธ์กับขนาดของพื้นที่ในการวาง หากมีพื้นที่กว้างสามารถเลือกอ่างน้ำล้นขนาดใหญ่ได้ แต่ถ้าพื้นที่แคบไม่ควรวางอ่างน้ำล้นขนาดใหญ่เกินไป เพราะพลังของน้ำจะไปบดบังพลังงานอย่างอื่น โดยเฉพาะคนธาตุไฟ เพราะแม้การตั้งอ่างน้ำล้นจะช่วยดึงดูดโชคลาภ แต่หากมีพลังงานมากกว่าธาตุเจ้าของจะส่งผลให้ผู้อยู่อาศัยหมดไฟ รู้สึกเบื่อหน่าย เฉื่อยชาได้ การเลือกอ่างน้ำล้นที่มีขนาดเหมาะกับพื้นที่จึงเป็นการปรับสมดุลธาตุนั่นเอง

ภาพ: lonnfiberglass.com

 

น้ำล้นที่ดีควรล้นต่อเนื่องไม่ขาดสาย

 

ลักษณะของน้ำที่ล้นออกมาจากอ่างต้องไหลล้นอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย ไม่ล้นแรงจนกลายเป็นน้ำพุ และค่อย ๆ ไหลไปด้านล่างช้า ๆ หากเป็นอ่างน้ำล้นที่น้ำล้นไหลออกด้านใดด้านหนึ่ง ควรหันด้านที่น้ำไหลลงเข้าสู่ตัวบ้าน เพื่อเป็นการเพิ่มพลังงานที่ดี ดึงโชคลาภ ทรัพย์สิน และสิริมงคลสู่ตัวบ้าน 

 

ตั้งอ่างน้ำล้นให้ถูกทิศ

 

หลักการง่าย ๆ ในการตั้งน้ำพุ ติดตั้งน้ำตก อ่างน้ำ หินหมุน หรือไหน้ำล้นเพื่อส่งผลให้บ้านเย็น คือ ตั้งไว้ในทิศเหนือลม เพื่อให้ลมพัดเอาความเย็นของน้ำเข้าสู่ตัวบ้าน และควรวางในตำแหน่งที่มองเห็นได้ชัดเจน เพื่อที่จะได้มองเห็นหรือได้ยินเสียงน้ำให้เกิดความรู้สึกสบายอกสบายใจ ส่งผลให้จิตใจเย็นลงได้เช่นกัน

 

ส่วนบ้านไหนที่มีประตูรั้วใกล้กับประตูบ้าน ควรวางน้ำพุ น้ำตก ไหน้ำล้น น้ำผุด หรือตู้ปลากั้นประตูรั้วกับประตูบ้าน เพื่อกักเก็บพลังแห่งความมงคลไว้กับบ้าน พร้อมกันนั้นยังสร้างความสบายตา เย็นใจ ลดความร้อนให้บ้านในหน้าร้อนด้วย

 

ส่วนใครที่อยากตั้งอ่างน้ำล้นให้เกิดมงคลตามหลักฮวงจุ้ยจะต้องวางในทิศที่เหมาะสมกับธาตุน้ำ หากตั้งในทิศที่เป็นธาตุไฟหรือธาตุดินจะส่งผลเสียต่อตัวบ้านได้ โดยมีหลักการตั้งอ่างน้ำล้นตามทิศหน้าบ้าน ดังต่อไปนี้

 

หน้าบ้านหันทิศใต้ ไม่ควรตั้งอ่างน้ำล้นหน้าบ้าน เพราะทิศใต้เป็นทิศของธาตุไฟที่เป็นอริกับธาตุน้ำ แนะนำให้นำไปตั้งทางทิศตะวันตกแทน และห้ามนำไปตั้งไว้ที่ทิศเหนือ เพราะเป็นหลังบ้านที่ห้ามตั้งสิ่งของที่มีการเคลื่อนไหว

 

หน้าบ้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ไม่ควรตั้งอ่างน้ำล้นหน้าบ้าน เพราะเป็นทิศของธาตุดินที่เป็นอริกับธาตุน้ำ ควรนำไปตั้งในทิศเหนือของตัวบ้านแทนได้

 

หน้าบ้านทิศเหนือ หรือทิศตะวันตก สามารถนำอ่างน้ำล้นมาตั้งที่บริเวณหน้าบ้านได้ เพราะทิศเหนือและทิศตะวันตกเป็นทิศของธาตุน้ำและธาตุไม้ที่เกื้อหนุนกับน้ำ เมื่อนำอ่างน้ำล้นมาตั้งไว้หน้าบ้านทางทิศนี้จะเป็นการสร้างฮวงจุ้ยที่ดี และเสริมความมงคลมั่งมี ให้กับคนในบ้าน

 

3.

เพิ่มช่องทางระบายลม

ให้โชคไหลเวียน

 

หากต้องการให้ลมพัดผ่านเข้ามาเพิ่มความเย็นสบายให้บ้าน ควรทำความรู้จักทิศทางของลมและฝนในประเทศไทยกันก่อน โดยในฤดูร้อน (เดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม) ลมจะพัดมาทางทิศใต้ ซึ่งช่วยลดความร้อนของอากาศลงได้ ในฤดูฝน (เดือนมิถุนายนถึงพฤศจิกายน) ลมจะพัดมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ เรียกว่า ลมมรสุม และในฤดูหนาว (เดือนธันวาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์) ลมหนาวจะพัดมาจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

 

เนื่องจากช่วงฤดูร้อนมีทิศลมประจำอยู่ทางทิศใต้นี่เอง ช่องเปิดของบ้านจึงควรหันมาทางทิศนี้ และถ้าจะให้ดีควรมีการปรับสภาพแวดล้อมให้อุณหภูมิลดลงก่อนพัดเข้าบ้าน ด้วยการปลูกต้นไม้ สร้างร่มเงา หรือมีบ่อน้ำ เพื่อให้ลมพัดพาอุณหภูมิที่เย็นลงแล้วเข้ามาภายในบ้าน

 

แต่หากบ้านของคุณไม่ได้มีช่องเปิดหันไปทางทิศใต้ก็สามารถเพิ่มความเย็นให้บ้านได้ด้วยการระบายอากาศและความร้อนผ่านช่องลมภายในบ้าน เพื่อทำให้คุณภาพอากาศภายในบ้านดีขึ้น ลมโกรก เย็นสบาย ไม่อับชื้น โดยสามารถทำได้ 2 วิธี ได้แก่ Cross Ventilation เป็นการระบายอากาศโดยให้ลมพัดผ่านเข้าห้องช่วยพาความร้อนและความชื้นเดินทางออกไปนอกห้องในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ในทางปฏิบัติก็คือ การเปิดหน้าต่างหรือช่องรับลม โดยต้องมีช่องเปิดให้ลมเข้าและช่องเปิดให้ลมออกในทิศทางที่เหมาะสม

 

อีกวิธี คือ Stack Ventilation เป็นการระบายอากาศโดยให้มวลอากาศร้อนลอยตัวขึ้นที่สูง และระบายออกในส่วนบนของอาคาร วิธีนี้เหมาะกับบ้านที่มีหลังคาทรงสูง และต้องมีช่องระบายอากาศอยู่ในส่วนบนของอาคาร เพราะตามหลักแล้ว อากาศร้อนจะลอยขึ้นที่สูงเสมอ เมื่ออากาศร้อนลอยตัวสูง จะทำให้กระแสมวลของอากาศเย็นไหลเข้ามาแทนที่ ทำให้เกิดการเคลื่อนตัวของอากาศภายในบ้าน

 

การเพิ่มกลไกระบายอากาศภายในบ้านสามารถทำได้หลายวิธี เช่น ติดตั้งเครื่องดูดควันในห้องครัว ติดตั้งพัดลมดูดอากาศในห้องน้ำ เพื่อช่วยดูดควันและความร้อนที่เกิดขึ้นภายในบ้านออกไปด้านนอก หรือจะลงทุนกับนวัตกรรมระบายอากาศ Active AIRflow System ที่ช่วยเพิ่มการหมุนเวียนของอากาศภายในบ้าน ด้วยการติดตั้งช่องเติมอากาศติดผนัง (Intake Air Grille) ชุดระบายอากาศฝ้าเพดาน (Ceiling Ventilator CV) และชุดระบายความร้อนในโถงหลังคา (Solar Roof Tile Ventilator) โดยใช้แนวคิดนำอากาศเย็นไล่อากาศร้อนที่สามารถลดอุณหภูมิในบ้านได้ถึง 2-5 องศา ลดการเกิดเชื้อราและกลิ่นอับภายในบ้านจากการทำให้อากาศถ่ายเท และช่วยลดภาระการทำงานของเครื่องปรับอากาศ จึงเป็นการลดการใช้ไฟฟ้าในบ้านไปในตัว

 

ไม่ว่าจะเลือกเพิ่มช่องทางระบายลมให้บ้านด้วยวิธีไหนก็ล้วนเป็นการช่วยป้องกันไม่ให้บ้านอับกระแสพลัง เกิดพลังงานที่ดีไหลเวียนมาสู่ผู้อยู่อาศัยในบ้าน จึงทั้งเย็นกายและเย็นใจในทุกฤดู

 

4.

ปรับทิศทางจัดวางเฟอร์นิเจอร์

รับทรัพย์ เสริมบารมี

 

เชื่อไหมว่าการจัดปรับทิศทางของเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน นอกจากจะช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดีขึ้นจนทำให้บ้านเย็นแล้ว ยังเป็นการเปิดช่องให้กระแสแห่งโชคลาภพัดพาเข้ามาสู่ผู้อยู่อาศัยภายในบ้านอีกด้วย

 

โดยเฉพาะห้องที่ควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษ ได้แก่ ห้องรับแขก ที่เปรียบเสมือนห้องเก็บโชคลาภ ห้องรับแขกที่ดีจึงไม่ควรมีฉากมาตั้งกั้นไว้ตรงประตูทางเข้า นอกจากจะเป็นการสกัดการไหลเวียนของกระแสโชคลาภแล้ว ยังหมายถึงการเก็บเงินไม่อยู่และดูไม่เป็นระเบียบ

 

การจัดวางเฟอร์นิเจอร์อย่างโซฟาหรือชุดรับแขกควรจะวางไปในทิศทางเดียวกันกับตู้โชว์ โดยอาศัยหลักการที่ว่าเจ้าของบ้านควรเสริมธาตุใด ก็ควรวางโซฟาให้หันไปในทิศทางนั้น ๆ เนื่องจากการจัดวางตู้โชว์และโซฟาเปรียบเสมือนภูเขาที่รับลมจากน้ำ ซึ่งเป็นพลังหยินที่จะช่วยเสริมบารมีให้แก่เจ้าของบ้านนั่นเอง 

 

ทั้งนี้ การเลือกวางเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่ชิ้นอื่น ๆ เช่น ตู้โชว์ โต๊ะรับประทานอาหาร ฯลฯ ควรตั้งให้กันหรือบังการปะทะของลมที่เข้ามา เมื่อลมปะทะเข้ากับเฟอร์นิเจอร์จะเกิดการกระจายตัวไหลเวียนไปรอบ ๆ ตัวบ้าน บ้านจึงเย็นสบายขึ้น และหากเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติอย่างไม้ไผ่หรือเครื่องจักสาน ซึ่งมีความโปร่ง ลมสามารถพัดผ่านเข้า-ออกได้อย่างดี เป็นวัสดุที่ไม่กักเก็บความร้อน ก็เป็นอีกวิธีช่วยปรับทิศทางลมให้พัดผ่านเข้าบ้านได้เย็นสบายขึ้น

 

การเลือกสีสันในการตกแต่งบ้านก็สำคัญไม่น้อย โดยทิศเหนือเป็นพื้นที่ส่งเสริมในด้านการงานอาชีพ ทิศนี้ควรใช้สีขาวและฟ้า ผสมผสานให้ลงตัว และเสริมด้วยต้นไม้สีเขียวให้ดูสบายตา พร้อมกับใช้ไฟโทนสว่างเย็นอย่างโทนสีขาว ก็สามารถช่วยได้เช่นกัน 

 

ทิศใต้เป็นพื้นที่ของพลังอำนาจ ชื่อเสียง ยศฐาบรรดาศักดิ์และการยอมรับ เนื่องจากเป็นพื้นที่ธาตุไฟ ดังนั้นควรเลือกของตกแต่งฮวงจุ้ยที่มีทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยใช้สีน้ำตาล เขียว ชมพู เป็นหลัก

 

ทิศตะวันออกเป็นทิศของการต่อสู้เพื่อครอบครัว ดังนั้น สีของเฟอร์นิเจอร์อย่างโซฟาหรือชุดรับแขก ควรเป็นการผสมผสานระหว่างสีดำ ฟ้า น้ำเงินคราม ชมพู เขียว และแดง รูปทรงของเฟอร์นิเจอร์ควรเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า จัดให้กลมกลืนกับห้องรับแขกจะช่วยส่งเสริมความเจริญรุ่งเรืองให้กับครอบครัวได้มากขึ้น 

 

ทิศตะวันตกถือเป็นมุมแห่งความหวัง อนาคต และความลับ ดังนั้นในห้องรับแขกจึงควรใช้สีเทาอ่อน และใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีวัสดุมาจากโลหะหรือสแตนเลส แต่เนื่องจากเป็นทิศที่รับความร้อนเป็นอย่างมาก ควรหาของตกแต่งฮวงจุ้ยอย่างตู้ปลามาตั้งไว้เพื่อให้ดูเย็นขึ้น

 

5.

ติดตั้งอุปกรณ์กรองแดด

ปรับสมดุลธาตุไฟ

 

ตามหลักฮวงจุ้ย แม้แสงแดดจะช่วยเสริมพลังธาตุไฟ แต่ก็ควรเป็นแสงที่พอดี หากแดดส่องเข้าตัวบ้านจนร้อนเกินไปจะทำให้รู้สึกอึดอัด นอกจากการปลูกต้นไม้ไว้บังแดดแล้ว การติดตั้งผ้าม่าน ฟิล์มกรองแสง มู่ลี่ หรือกันสาด ล้วนเป็นการปกป้องบ้าน สะท้อนความร้อน และปรับสมดุลธาตุไฟให้พอดีทั้งสิ้น

 

สำหรับบ้านที่เลือกใช้ช่องรับแสงหรือหน้าต่างแบบกระจกขนาดใหญ่ แนะนำให้ติดตั้งผ้าม่านเพื่อช่วยกรองแสงแดดจากภายนอกที่สะท้อนเข้ามาภายในบ้าน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้อุณหภูมิในบ้านร้อนอบอ้าว โดยควรเลือกใช้ผ้าม่านสีอ่อน เพราะผ้าโทนสีเข้มนั้นจะอมความร้อน

 

การติดฟิล์มกระจกกันความร้อนเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยคลายความร้อนภายในบ้าน และใช้งบประมาณน้อย สามารถเลือกติดฟิล์มกระจกที่มีคุณสมบัติตามวัตถุประสงค์ที่ต้องการ เช่น กันความร้อนไม่ให้เข้ามาในห้องเพื่อให้ห้องเย็นลง ลดแสงจ้า หรือกันรังสียูวี

 

มู่ลี่เป็นอีกหนึ่งประเภทของม่านบังตาน่าสนใจ เพราะช่วยให้บ้านดูสวยมีสไตล์ขึ้น ด้วยลักษณะที่ถูกออกแบบเป็นซี่ขนาดต่าง ๆ ตามขนาดของหน้าต่าง จึงสามารถป้องกันแสงแดดได้ดีและเพิ่มความเป็นส่วนตัวในพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยสูงได้อีกด้วย ทั้งนี้ การเลือกใช้มู่ลี่จะต้องพิถีพิถันในการเลือกประเภทวัสดุให้เหมาะสมกับบริเวณที่ต้องการติดตั้ง ไม่ว่าจะเป็นวัสดุม่านมู่ลี่ธรรมดา มู่ลี่ PVC หรือมู่ลี่แบบผสม รวมถึงจำนวนความถี่ของมู่ลี่เองก็มีส่วนในการควบคุมความเป็นส่วนตัว ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความรัดกุมให้กับพื้นที่บ้านมากขึ้น

 

การติดตั้งซุ้มไม้บังแดดไว้บริเวณหน้าบ้านตรงทางเข้าเป็นอีกทางเลือกในการกรองความร้อนจากแสงแดดให้เหลือแต่แสงสว่างอ่อน ๆ จากดวงอาทิตย์ โดยบริเวณที่ควรติดตั้งซุ้ม คือ ชายคาของตัวบ้าน โดยความยาวของซุ้มควรอยู่ที่ 40 องศาจากมุมพื้นหน้าบ้าน หรือหากจะทำระแนงกันสาดบริเวณที่โดนแดดเป็นประจำ ควรยื่นไป 1.5 เมตรเพื่อป้องกันแดดเข้าถึงตัวบ้าน

 

สุดท้ายคือ การติดตั้งกันสาดที่ควรเลือกวัสดุที่มีความแข็งแรง ทนทาน และไม่ดูดซับความร้อน นอกจากกันแดดแล้วยังช่วยกันฝนที่กำลังจะตามหน้าร้อนมาติด ๆ อีกด้วย

 

อ้างอิง

  • ไทยโฮมทาวน์.3กฎเหล็กการตกแต่งบ้านด้วยน้ำพุ ควรตั้งตรงไหนให้เย็นสบายใจ ให้ถูกหลักฮวงจุ้ย.https://bit.ly/4cODm7l
  • Land&House.จัดบ้านตามฮวงจุ้ย รับปี 2567 รับทรัพย์ อยู่ดีมีสุข.https://bit.ly/4aNuzR9
  • Kapook.ต้นโมก ดอกไม้มงคลสีขาว กลิ่นหอมบริสุทธิ์ น่าปลูกจัดสวน.https://bit.ly/3xovb1n
  • RabbitMinitree.เล็บครุฑ ไม้มงคล.https://bit.ly/4aLslBX
  • อาร์ตเทคโฮม.ฮวงจุ้ยบ้านดีมีสิริมงคลด้วยต้นไม้มงคลประจำแต่ละทิศ.https://bit.ly/43RFSWq
  • Kacha.จัดวางอ่างน้ำล้นให้ถูกหลักฮวงจุ้ย สวยงาม เสริมสิริมงคล ทำได้อย่างไร?. https://bit.ly/43SjJqM

SHARE

facebook
twitter
copy
Related articles / บทความที่เกี่ยวข้อง
Loading...