ท้าให้ลอง ‘Sea Moss Gel’ อาหารสุขภาพจากสาหร่ายทะเล ที่ขึ้นชื่อว่ากินยากแต่ได้ประโยชน์มาก

25 Dec 2024 - 5 mins read

Health / Body

Share

จริงไหม ? ถ้าอยากสุขภาพดี ต้องฝืนกินของไม่อร่อย 

 

เพราะอาหารเพื่อสุขภาพส่วนมาก มักจืดชืด ไร้รสชาติ มีกลิ่นที่ไม่คุ้นชิน หรือไม่ก็มีเนื้อสัมผัสที่แตกต่างจากอาหารอื่น ๆ เช่นเดียวกับ Sea Moss Gel ในโหลแก้ว ด้วยรูปลักษณ์ที่มีสีขุ่นคล้ายขี้ผึ้งและเนื้อสัมผัสอ่อนนุ่มเหมือนแยม หากไม่มีฉลากบอกชื่อและสรรพคุณเอาไว้ หลายคนคงคิดตรงกันว่า นี่ไม่น่าจะใช่สิ่งที่กินได้ด้วยซ้ำ 

 

แต่ Sea Moss Gel ที่ดูเผิน ๆ เหมือนไม่ใช่อาหาร แท้จริงแล้วคือ ซุปเปอร์ฟู้ด (Superfood) หรือสุดยอดอาหารที่ดีต่อร่างกาย เพราะอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าอาหารทั่วไปหลายเท่า Sea Moss Gel จึงกลายเป็นอาหารสุดโปรดของคนรักสุขภาพ โดยเฉพาะในหมู่ผู้หญิงที่ให้ความสำคัญกับการดูแลรูปร่างและผิวพรรณ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ 

 

บทความนี้ LIVE TO LIFE จะพาผู้อ่านไปทำความรู้จักกับ Sea Moss Gel และเหตุผลของคำถาม ทำไมผู้คนทั่วโลกรวมถึงคนไทยที่ใส่ใจสุขภาพ จึงหันมากิน Sea Moss Gel ? รับรองว่าหลังจากอ่านบทความจบแล้ว หลาย ๆ คนคงอยากลองกิน Sea Moss Gel สักครั้ง แม้ว่าจะมีกลิ่นแรงและกินยากแค่ไหนก็ตาม 

 

 

Sea Moss Gel คืออะไร ?

ซี มอส เจล (Sea Moss Gel) คือซุปเปอร์ฟู้ดในรูปแบบเจลที่แปรรูปมาจาก ซี มอส (Sea Moss) หรือเรียกอีกชื่อว่า ไอริส มอส (Irish Moss) เป็นสาหร่ายทะเลชนิดหนึ่งที่เติบโตได้ดีบริเวณชายฝั่งทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก จึงพบได้มากในแถบทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป โดยเฉพาะชายฝั่งของประเทศอังกฤษและไอร์แลนด์ 

 

ปกติแล้วในวงการอุตสาหกรรมผลิตอาหาร มักเลือกนำ Sea Moss ไปสกัดให้อยู่ในรูปแบบของสารปรุงแต่งหรือวัตถุเจือปนอาหาร ซึ่งมีชื่อเรียกใหม่ที่หลายคนน่าจะคุ้นหูว่า คาร์ราจีแนน (Carrageenan) เพราะเป็นสารที่ใช้เพิ่มความข้นหนืดให้อาหารและเครื่องดื่มหลายประเภท อย่างเช่น นมถั่วเหลือง นมเปรี้ยว เยลลี่ ไอศกรีม วิปครีม น้ำจิ้มหรือซอสบรรจุขวด และอาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง 

 

แต่คนท้องถิ่นที่ใช้ชีวิตอยู่ติดกับชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก รวมไปถึงชาวไอริชที่อพยพไปลงหลักปักฐานในประเทศแถบทะเลแคริบเบียน โดยเฉพาะที่ประเทศจาเมกา ส่วนใหญ่นิยมนำ Sea Moss มาทำเป็นเครื่องดื่มชูกำลังที่มีชื่อว่า Irish Moss Drink เพราะอุดมไปด้วยโปรตีนและวิตามินที่จำเป็นกับร่างกาย โดยใช้ส่วนผสมหลักเพียง 2 อย่าง ได้แก่ Sea Moss แห้งที่แช่น้ำจนคืนตัวและนมรสจืด เพิ่มรสหวานด้วยน้ำผึ้งธรรมชาติ และเพิ่มกลิ่นหอมด้วยฝักวานิลลา ผงอบเชย และลูกจันทร์ป่น

Sea Moss แห้งมีหลายสี 

Sea Moss แห้งสีทองได้รับความนิยมมากที่สุด 

Sea Moss ที่แช่น้ำจนคืนตัว

 

สำหรับขั้นตอนการทำ เริ่มต้นผสมทุกอย่างลงในหม้อ คนให้เข้ากัน แล้วนำไปต้มด้วยไฟกลางประมาณ 30 นาที ให้ Sea Moss ละลายเข้ากับนม จากนั้นนำไปปั่นให้เนื้อสัมผัสเรียบเนียนเป็นสมูทตี้ สามารถเทใส่แก้วดื่มได้เลย หากต้องการดื่มแบบเย็นให้ใส่น้ำแข็งเพิ่ม

เครื่องดื่ม Irish Moss Drink 

  

ถึงอย่างนั้น ยังมีจำนวนคนอีกไม่น้อยที่ไม่ชอบรสชาติและไม่สามารถดื่ม Irish Moss Drink ได้ เพราะแพ้โปรตีนบางชนิดและน้ำตาลแล็กโทสในนมวัว รวมถึงคนที่เป็นมังสวิรัติ (Vegetarian) ด้วยเหตุผลนี้เอง ทำให้ Sea Moss Gel ได้รับความนิยมมากกว่า เพราะว่ามีลักษณะเป็นอาหารเสริมที่นำไปใส่เพิ่มในอาหารและเครื่องดื่มอื่น ๆ ได้ตามต้องการ เช่น โยเกิร์ต น้ำผลไม้ หรือซุป ซึ่งตอบโจทย์กับพฤติกรรมการกินที่หลากหลายของผู้คนในปัจจุบัน แต่คนที่ใส่ใจสุขภาพมากเป็นพิเศษ มักจะใช้ช้อนตัก Sea Moss Gel กินแบบเปล่า ๆ โดยไม่ได้นำไปผสมกับอย่างอื่น 

 

 

ทำไมคนรักสุขภาพจึงเลือกกิน Sea Moss Gel ?

ต้องเข้าใจก่อนว่า คนตะวันตกรู้จัก Sea Moss Gel กันดีอยู่แล้วว่าเป็นซุปเปอร์ฟู้ด เหมือนคนไทยที่คุ้นเคยกับไข่ผำ คนตะวันตกจึงกิน Sea Moss Gel เป็นปกติด้วยความรู้สึกคุ้นชิน จนกระทั่งเกิดเทรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ ทำให้คนหันมาใส่ใจเรื่องอาหารการกินและเลือกสรรวัตถุดิบคุณภาพมากขึ้น 

 

แต่จุดเปลี่ยนที่ปลุกกระแสให้คนรักสุขภาพทั่วโลกหันมาสนใจและอยากลิ้มลองรสชาติของ Sea Moss Gel คือ ผลิตภัณฑ์ของ Erewhon 

ผลิตภัณฑ์ของ Erewhon 

 

คนไทยส่วนใหญ่เริ่มรู้จัก Erewhon จากกระแสสมูทตี้เพื่อสุขภาพของร้านที่ใช้ซุปเปอร์ฟู้ดเป็นส่วนผสมหลัก ทำให้ราคาขายต่อแก้วสูงถึง 17-20 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 600-700 บาท เพราะ Erewhon เป็นซูเปอร์มาร์เก็ตสัญชาติอเมริกันที่ขายเฉพาะวัตถุดิบและอาหารออร์แกนิกที่มีคุณภาพและโภชนาการสูงเท่านั้น จึงทำให้ผลิตภัณฑ์ของ Erewhon มีราคาแพงกว่าร้านค้าทั่วไปราว 4-5 เท่า 

 

จากกระแสสมูทตี้เพื่อสุขภาพ จึงเปลี่ยนผ่านมาสู่ความนิยมในผลิตภัณฑ์ Sea Moss Gel ขนาด 16 ออนซ์ของ Erewhon ราคาประมาณ 1,400 บาท ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายสี แต่สีที่ทำให้คนสนใจได้มากที่สุดคือ Sea Moss Gel สีฟ้า หรือ Neptune Blue เพราะเป็นสีจากผงสาหร่ายสไปรูลิน่าที่เพิ่มเติมเข้าไป ทำให้ Sea Moss Gel ขวดนี้อุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย 

ผงสีฟ้าสกัดจากสาหร่ายสไปรูลิน่า 

 

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบรรดานางแบบ อินฟลูเอนเซอร์สายสุขภาพ และเซเลบริตี้ทั้งในฝั่งยุโรป สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลีย เช่น คิม คาร์เดเชียน (Kim Kardashian) เบลล่า ฮาดิด (Bella Hadid) วินนี ฮาร์โลว์ (Winnie Harlow) และเฮลีย์ บีเบอร์ (Hailey Bieber) ต่างออกมาเผยเคล็ดลับดูแลสุขภาพให้แข็งแรงและดูดีอยู่เสมอ นั่นคือหันมากิน Sea Moss Gel อย่างจริงจังวันละ 2 ช้อนโต๊ะ ให้ได้ต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน 

 

เคล็ดลับนี้เอง สร้างแรงบันดาลใจให้คนทั่วไปอยากทำตามบ้าง จนกลายเป็นเทรนด์ ‘30 day sea moss challenge เพราะสำหรับคนที่ไม่เคยกิน Sea Moss Gel เปล่า ๆ มาก่อน และยังไม่คุ้นชินกับกลิ่นของ Sea Moss Gel ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก ๆ โดยเฉพาะ Sea Moss Gel สีฟ้า ของ Erewhon เมื่อได้ลองครั้งแรก หลายคนจึงรู้สึกตรงกันว่า ค่อนข้างกินยากกว่าที่คิด ถึงรสชาติจะจืดชืด แต่กลับมีกลิ่นแรงคล้ายห้องผ่าตัดในโรงพยาบาล ถึงอย่างนั้นทุกคนไม่ได้ถอดใจทิ้งในทันที เพราะอยากสุขภาพดีเหมือนคนดังที่พวกเขาติดตาม ถึงพยายามท้าทายตัวเองให้กิน Sea Moss Gel ต่อไปเรื่อย ๆ จนครบ 30 วัน

 

 

Sea Moss Gel ดีต่อร่างกายอย่างไร ? 

คงจะเป็นเรื่องจริงอย่างที่หลายคนว่า ‘อาหารสุขภาพที่ดีต่อร่างกายมักไม่ค่อยอร่อย’ เพราะเน้นคุณค่าทางโภชนาการและสารอาหารเป็นหลัก จึงไม่ผ่านการปรุงแต่งรสชาติให้จัดจ้านจนผิดเพี้ยนไปจากเดิมเหมือนอาหารแปรรูปในท้องตลาดที่กินอร่อยแต่ไม่ดีต่อสุขภาพ 

 

Sea Moss Gel ปริมาณ 2 ช้อนโต๊ะ หรือประมาณ 10 กรัม แม้จะขึ้นชื่อว่ากินยากแต่ให้ประโยชน์มาก เพราะเป็นซุปเปอร์ฟู้ดจากสาหร่ายทะเลที่ให้พลังงาน 4 แคลอรี อุดมไปด้วยสารอาหารหลัก คือ คาร์โบไฮเดรตและโปรตีน 

 

มีส่วนช่วยให้ร่างกายได้พลังงานต่อเนื่อง อิ่มนาน ไม่หิวบ่อย เสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อ รักษาสมดุลของปริมาณน้ำตาลในเลือดและปริมาณน้ำในเซลล์หลอดเลือดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ช่วยควบคุมระบบอวัยวะร่างกายให้ทำงานเป็นปกติ กระตุ้นภูมิคุ้มกันไม่ให้ร่างกายอ่อนเพลียหรือป่วยง่าย รวมถึงมีเส้นใยอาหารที่ช่วยส่งเสริมทำงานของลำไส้ให้ดูดซึมสารอาหารและการขับถ่ายดีขึ้น 

 

ใน Sea Moss Gel ยังมีวิตามินและแร่ธาตุสำคัญอีกมากมาย เช่น วิตามินบี 2 แคลเซียม ไอโอดีน แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม เหล็ก สังกะสี และสารต้านอนุมูลอิสระ ทั้งหมดช่วยลดความเสี่ยงโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ได้ ทั้งโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคมะเร็ง ที่สำคัญคือช่วยเสริมสร้างสุขภาพของเส้นผม เล็บ และผิวหนัง สามารถปรับผิวหยาบกร้านที่ขาดน้ำให้กลับมานุ่มชุ่มชื้นมีน้ำมีนวล 

 

นอกจากนี้ Sea Moss Gel ยังมีส่วนช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อและลดการอักเสบของเซลล์ได้ทั่วร่างกาย จึงช่วยชะลอการเกิดของโรคพาร์กินสัน (Parkinson’s Disease) ในผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นโรคสมองเสื่อมชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดความผิดปกติของการเคลื่อนไหวได้ด้วย 

 

แม้ว่า Sea Moss Gel จะเป็นซุปเปอร์ฟู้ดที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและนักโภชนาการกลับเห็นตรงกันว่า การกิน Sea Moss Gel อย่างเดียว จะทำให้ร่างกายไม่ได้รับพลังงานที่เพียงพอต่อวันได้ จึงควรกินเป็นอาหารเสริม และให้ความสำคัญกับการกินอาหารมื้อหลักให้ครบ 5 หมู่ ควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรงและไม่ขาดสารอาหารที่จำเป็นกับการใช้ชีวิตประจำวัน

 

 

อ้างอิง 

SHARE

facebook
twitter
copy
Related articles / บทความที่เกี่ยวข้อง
Loading...