กินเยอะอย่างไรให้หุ่นฟิตและสุขภาพดี ? คุยกับ The Fadd ถึงสมดุลชีวิตของนักกินจุระดับแชมป์

22 Jul 2024 - 7 mins read

Better Life / People

Share

พิชิตข้าวมันไก่ยักษ์ 4.5 กิโลกรัม ! กินมาม่าเผ็ดที่สุดในโลก 40 ห่อ ! เหมาติ่มซำกว่า 100 เข่งหมดในพริบตา !

 

เหล่านี้เป็นตัวอย่างแค่น้ำจิ้มจากบรรดาสถิติน่าทึ่งอีกมากมายที่คู่แฝด ปั้น - ชัชพงศ์ และ โป้ง - ชูพัฒน์ หาญหฤหรรษ์ Youtuber สายกินแห่งช่อง The Fadd สร้างความฮือฮาในลีลาการกินจุ กินไวมานานกว่า 5 ปี 

 

แต่ในวันที่ LIVE TO LIFE มีนัดสัมภาษณ์พูดคุยกับพวกเขาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านรัตนาธิเบศร์ ปั้นและโป้งสั่งเพียงสเต๊กหมูมากินคนละจาน แถมยังไม่กินเครื่องเคียงอย่างเฟรนช์ฟรายเลยแม้แต่ชิ้นเดียว 

 

“อิ่มครับ” ปั้นและโป้งตอบคำถามเมื่อเราสงสัยว่า กินแค่นี้จะอิ่มไหม เพราะผิดไปจากภาพที่เราคุ้นเคยจากการเห็นพวกเขากินอาหารจานใหญ่จานยักษ์หนักหลายกิโลกรัม

 

นี่เป็นหนึ่งในวินัยที่ทั้งคู่เคร่งครัดกับการกินในชีวิตประจำวัน พวกเขาแทบไม่แตะแป้ง เน้นกินโปรตีนและผักผลไม้เป็นหลัก ควบคู่กับการออกกำลังกายที่ไม่เคยหยุดพักแม้แต่วันเดียว 

 

ปั้น - โป้ง มาแบ่งปันเทคนิคที่ LIVE TO LIFE ในการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เป็นเจ้าของรูปร่างที่สมส่วน โดยที่ยังสามารถกินจุ กินเยอะเท่าไรก็ไม่ทำให้ตัวเลขบนตาชั่งเหวี่ยงไปมา เพื่อให้ทุกคนลองไปปรับใช้กับตัวเอง 

ปั้น - ชัชพงศ์ และ โป้ง - ชูพัฒน์ หาญหฤหรรษ์ 

Youtuber สายกินแห่งช่อง The Fadd 

 

ตั้งแต่เมื่อไรที่พวกคุณเริ่มรู้ตัวว่ามีความสามารถในการกินได้มากกว่าคนทั่วไป

 

โป้ง : “เราสองคนรู้ตัวว่าเป็นคนกินเก่งมาตั้งแต่เด็กแล้ว ตอนเด็ก ๆ กินนมกันทีละแพ็ค แพ็คนึงมี 6 กล่อง จนคนเก็บขยะนึกว่าที่บ้านรับเลี้ยงเด็ก (หัวเราะ) และรายการโปรดของพวกเราก็คือ รายการ TV Champion ที่ดูมาตลอด ดังนั้น พอเราเริ่มมีชื่อเสียงจากการเป็นหนุ่ม Cleo เลยอยากลองหาอะไรทำเป็นของตัวเอง จึงเริ่มถ่ายคลิปกินจุ และหลังจากลงไป 2 คลิปก็ไปสมัครแข่งกินในรายการ ศึกเจ้านักกิน Season 2 และได้เป็นแชมป์”

 

ปั้น : “ก่อนหน้านั้นเราเคยแข่งกินมาบ้าง เลยพอจะรู้ตัวว่ากินได้เยอะและเร็วกว่าคนอื่น งานแรกน่าจะเป็นการแข่งกินในวันเปิดตัวสุกี้ตี๋น้อยสาขาแรกของไทย แข่งเป็นทีม 3 คน ใครชนะได้ทีมละ 30,000 บาท”

 

โป้ง : “ตอนนั้นยังเรียนอยู่ เลยอยากหาเงินใช้ ผลปรากฏว่าชนะขาดลอย ทีมอื่นกินไป 50 ถาด ทีมเรากินไป 100 กว่าถาดภายในเวลา 1 ชั่วโมง ส่วนก่อนหน้านั้นก็มีชาเลนจ์ตามร้าน กินหมด กินฟรี ลองทำกันเล่น ๆ สมัยยังไม่ได้ถ่ายคลิป ก็เลยเป็นที่มาของไอเดียว่าไหน ๆ การกินของเราดูก็น่าทึ่ง ทำไมไม่ถ่ายคลิปเสียเลย”

 

วัฒนธรรมการกินของที่บ้านเป็นแบบไหน

 

โป้ง : “บ้านเรากินข้าวพร้อมกันทั้งครอบครัวมาตั้งแต่พวกผมยังเด็ก จนถึงทุกวันนี้ก็ยังต้องกินมื้อเย็นพร้อมหน้าพร้อมตา คุณแม่เป็นคนทำกับข้าวเอง และเราก็กินข้าวเปลืองมาตั้งแต่เด็กแล้ว”

 

ปั้น : “จะหนักไปทางข้าว กินหมดมื้อละเป็นหม้อ ๆ แต่ไม่ได้กินกับข้าวเปลือง กับข้าวส่วนมากก็เป็นต้มจืดกับน้ำพริก พ่อแม่สอนให้กินผักแต่เด็ก”

 

โป้ง : “เราสองคนเลยกินได้ทั้งเผ็ด ทั้งผัก ไม่มีอาหารที่กินไม่ได้ ชอบกินทุกอย่าง ทำมักกะโรนี สปาเกตตี้ ทำอะไรมาให้กินก็ชอบหมด ที่บ้านจะทำอาหารครั้งละเยอะ ๆ กินแค่มื้อสองมื้อก็หมดแล้ว”

 

ปั้น : “แกงหม้อนึงกินเช้าเย็นก็หมดแล้ว ขนมจีนซื้อทีครั้งละ 5 กิโลกรัมก็กินหมดในวันเดียว แต่พอโตขึ้นก็ไม่ได้กินเยอะเหมือนเมื่อก่อน”

 

โป้ง : “ถ้ามื้อปกติก็กินเท่าที่เห็นนี้เลย เราไม่ค่อยกินแป้ง ส่วนอกไก่กับผักสามารถกินได้ทุกวัน ปกติพวกผมจะสั่งอกไก่ทำสำเร็จที่เวฟเสร็จแล้วพร้อมรับประทานครั้งละ 15 กิโลกรัม หมดก็สั่งใหม่เรื่อย ๆ”

 

ปั้น : “พอไม่กินแป้งเยอะรู้สึกว่าร่างกายดีกว่าตอนกินแป้ง เช่น ไม่มีกลิ่นตัว สิวไม่ค่อยขึ้น หุ่นลีนตลอด แต่ก็มีหลุดบ้างเวลาทานข้าวนอกบ้าน แต่ถ้าอยู่บ้านเราจะไม่กินแป้งเลย”

 

เริ่มดูแลตัวเองกันตั้งแต่เมื่อไร

 

ปั้น : “ตอนที่ผมเรียนวิศวะ จุฬาฯ ผมอยู่ชมรมฟุตบอลเลยต้องซ้อมวิ่งทุกวัน พอเลิกเล่นบอลก็เลยชวนเพื่อน ๆ ในหมู่บ้านวิ่งรอบหมู่บ้านด้วยกัน วันละประมาณ 3 กิโลเมตร วิ่งเสร็จก็ไปปั๊มกล้ามกันต่อในยิม”

 

โป้ง : “พวกเราเลยติดนิสัยนั้นมาเรื่อย ๆ หลังจากนั้นก็วิ่งมาตลอด ทุกวันนี้ต้องวิ่งอย่างน้อยวันละ 5 กิโลเมตร ทำมานานเกือบสิบปีแล้ว เมื่อก่อนเคยซ้อมวิ่งวันละ 50 กิโลเมตรด้วย”

 

ปั้น : “แต่นั่นมันนานมาแล้วครับ สมัยนี้วิ่ง 10 กิโลเมตรก็ตาลอยแล้ว (หัวเราะ) เพราะเราไม่ได้ซ้อมทุกวัน เราเน้นเข้าฟิตเนส เพราะต้องแบ่งเวลาไปทำงาน ทำกิจกรรมอื่น ๆ ด้วย แต่ยุคก่อนที่จะเริ่มทำช่อง The Fadd เราสองคนไปงานแข่งวิ่งบ่อยจนได้ถ้วยรางวัลเก็บไว้เต็มบ้าน”

 

โป้ง : “พวกเราเคยได้ที่ 1 ของรุ่นอายุในงานแข่งวิ่งมาราธอน หรือที่ 1 ในแบบ Overall งานวิ่งมินิมาราธอนก็เคย”

 

ปั้น : “รายการแรกที่ได้รางวัลก็คือรายการแรกที่ลงแข่งวิ่ง เป็นงานวิ่งฮาล์ฟมาราธอนที่จัดหน้ากระทรวงสาธารณสุข ตอนนั้นได้เงินรางวัลด้วย”

 

โป้ง : “พอได้เงินรางวัลจากงานแรกก็เลยฮึดในงานต่อ ๆ ไป คิดเสียว่ายอมเหนื่อยกว่าคนอื่นหน่อย ยังไงเราก็มางานเดียวกัน วิ่งระยะเท่ากัน ถ้าเราเร็วกว่า มันได้รางวัลติดมือด้วย เราเป็นพวกชอบการแข่งขันครับ”  

ปั้น - ชัชพงศ์ หาญหฤหรรษ์ 

 

ปั้น : “เราเริ่มวิ่งด้วยรองเท้าราคาถูก ๆ ที่ซื้อตอนลดราคาและไม่มีนาฬิกาจับเวลา ช่วงหลังมีสปอนเซอร์ให้นาฬิกามาใส่วิ่ง พอเอา Heart Rate ของเราสองคนให้คนอื่นดู เขาตกใจมาก Heart Rate อยู่ที่ 200 bpm ตลอดเวลา”

 

โป้ง : “เหมือนขึ้นกราฟแดงตลอดเวลา แต่หัวใจเราไม่ได้แข็งแรงกว่าคนอื่นนะฮะ เราแค่หน้าด้านวิ่ง (หัวเราะ)”

 

เคยคิดไหมว่าเรามีร่างกายไม่เหมือนใคร เล่นกีฬาก็ดี กินเยอะก็ได้

 

ปั้น : “ผมว่าอยู่ที่ใจมากกว่า อย่างการกินให้เยอะและเร็วต้องใช้ความอดทนมากกว่าคนทั่วไป และต้องมีสมาธิในการกินสูงมาก ช่วงหลัง ๆ ผมดรอปลง เพราะไม่ได้โฟกัสด้านนี้แล้ว กินแค่ 2.5 กิโลกรัมก็ไม่เอาแล้ว แต่โป้งยังตะบี้ตะบันกินได้อยู่”

 

โป้ง : “ผมชอบกิน และรู้สึกว่าตอนนี้ที่ไม่ได้แข่งกินแล้ว ตัวเองกินเก่งกว่าเดิมอีก”

โป้ง - ชูพัฒน์ หาญหฤหรรษ์

 

ปั้น : “แต่เวลาไม่เร็วเท่าเดิม เพราะการกินเยอะและกินเร็วต้องใช้ทั้งจังหวะการกลืนและการหายใจ ถ้าสมาธิไม่ดีจะอันตรายมาก”

 

โป้ง : “การจะเป็นนักกินต้องฝึกเพิ่มด้วย ถ้าเราจะไปแข่งกินอาหารน้ำหนัก 4 กิโลกรัม เราต้องฝึกกิน 3 กิโลกรัมบ่อย ๆ ช่วงไหนยิ่งกินจุบ่อย ร่างกายจะยิ่งกินจุได้มากขึ้นเรื่อย ๆ หลักการเดียวกับการซ้อมวิ่งหรือซ้อมยกน้ำหนัก จะกินให้ได้ปริมาณเยอะ ๆ ก็ขึ้นอยู่กับการขยายของกระเพาะด้วย”

 

ปั้น : “กระเพาะอาหารของคนเราสามารถยืด-หดได้ การฝึกกินเยอะ ๆ เหมือนเป็นการหลอกสมอง จากที่เคยกินปริมาณเท่านี้แล้วรู้สึกอิ่ม พอเราค่อย ๆ เพิ่มปริมาณอาหารไปเรื่อย ๆ สมองก็จะเริ่มชินว่ายังไหว” 

 

ตอนนี้ทั้งคู่กินอาหารได้มากที่สุดกี่กิโลกรัม

 

ปั้น : “6.5 กิโลกรัม ยังไม่เคยไปถึง 7 กิโลกรัม”

 

โป้ง : “แล้วแต่ชนิดของอาหารด้วย อย่างข้าวต้ม 5 กิโลกรัมก็กินง่ายกว่าข้าวหน้าเนื้อ 3 กิโลกรัม”

 

คุณคิดว่าอาชีพนักกินมีอันตรายแค่ไหน

 

ปั้น : “อยู่ที่การดูแลสุขภาพของแต่ละคน ถ้าเป็นนักกินที่สุขภาพแย่ ตัวอ้วน ผมว่าแบบนั้นอย่ากินเลย เราต้องรู้ตัวก่อนว่าเราดูแลตัวเองได้ดีแค่ไหน คนที่เป็นนักกินที่เก่งมักจะไม่อ้วน ไม่ใช่ว่าคนอ้วนไม่เก่ง แต่สุขภาพร่างกายจะไม่ไหวในท้ายที่สุด การเป็นนักกินต้องใช้ความอดทน ส่วนใหญ่คนที่มีวินัยในการดูแลตัวเองจึงเป็นคนที่กินได้เก่ง มันสอดคล้องกัน”

 

คุณสมบัตินักกินที่ดีคืออะไร

 

ปั้น : “มีวินัย อดทน ถ้ากินแล้วรู้สึกว่าสุขภาพแย่ ต้องหยุด ต้องรู้ตัว ไม่งั้นอันตราย”

 

โป้ง : “สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับนักกิน คือ ต้องมีสุขภาพดี ที่มื้อนี้พวกผมไม่กินเฟรนช์ฟราย เพราะมีมื้ออื่นที่เราต้องไปกินเยอะอยู่แล้ว จึงต้องเลือกงดบางมื้อ”

 

คุณได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการทำช่อง The Fadd มา 5 ปี

 

ปั้น : “ได้เรียนรู้ว่าช่วงที่เรามีชื่อเสียง มีรายได้เข้ามามากก็ต้องรู้จักเก็บออม เพราะอาชีพอินฟลูเอนเซอร์ไม่ได้ยั่งยืนตลอดไป”

 

โป้ง : “เราดังขึ้นมาได้ด้วยความแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร ไม่ได้นำเสนอแค่ตัวเอง แต่ยัง Present ร้านอาหารต่าง ๆ ด้วย เคยมีคอมเมนต์บอกว่า ช่องนี้ดี แม้จะไปกินจุ แต่ก็ยังมีข้อมูลบอกเสมอว่าทางร้านก็มีอาหารจานปกติขาย เราตั้งใจทำคอนเทนต์ให้คนได้รู้อะไรสักอย่างไปด้วย”

 

วางแผนทิศทางคอนเทนต์บนช่อง The Fadd ไว้อย่างไร

 

โป้ง : “เราพยายามจะเพิ่มเนื้อหาให้หลากหลายมากขึ้น จากตอนแรกที่คนจำภาพเราว่ากินจุ เดี๋ยวนี้เราทำคอนเทนต์กิน เที่ยว ไลฟ์สไตล์ด้วย”

 

ปั้น : “เราอยากทำรายการท่องเที่ยวให้ออกมาดี ซึ่งก็กำลังทยอยทำอยู่ แต่อาจจะยังไม่บ่อยมากนัก ยอดวิวอาจจะยังไม่เยอะ แต่คนดูก็ชอบ เพราะสามารถใช้เป็นข้อมูลได้ ก่อนที่เขาจะไปเที่ยวก็เสิร์ชหาที่พัก ที่เที่ยว ที่กิน ก็มาเจอรีวิวที่พักที่เราทำไว้ ซึ่งก็ตอบโจทย์ทั้งคนดูและที่พักเองก็แฮปปี้ด้วย ส่วนอีกโปรเจกต์ ก็คือ ตอนนี้เรากำลังทุ่มเทกับการสร้างบ้านให้เสร็จ ซึ่งบ้านกับสตูดิโอที่ใช้ถ่ายงานอยู่ใกล้กันในระยะเดินได้ ถ้าบ้านเสร็จคิดว่าเราจะได้ทำอะไรสนุก ๆ เพิ่มขึ้นอีกเยอะ”

 

โป้ง : “คนดูน่าจะได้ดูคอนเทนต์ที่หลากหลายขึ้น อาจจะมีมุมห้องแต่งตัว โชว์ไลฟ์สไตล์ของเรา หรือคิดเกมต่าง ๆ มาเล่นในรายการ หรืออาจจะให้เช่าสตูดิโอก็ยังได้”

 

EP. ไหนในช่อง The Fadd ที่แต่ละคนชอบที่สุด

 

โป้ง : “ผมชอบคลิปแรก ๆ ที่ยอดปังมากอย่างคลิปกินข้าวหน้าหมูย่างญี่ปุ่น Ohashi หนัก 3.5 กิโลกรัมหมดภายใน 30 นาที ถือเป็นคลิปแรกที่ยอดคนดูพุ่งสูงถึง 3-4 แสน Views ในครั้งเดียว ทั้งที่ตอนนั้นช่องของเราเพิ่งมีผู้ติดตาม 3 หมื่นคน คิดว่าที่คนเข้ามาดูเยอะ เพราะอาหารน่ากินและเราก็กินหมดด้วย เลยน่าสนใจ”

 

ปั้น : “ผมชอบคลิปแกล้งพี่เท่ง เพราะไม่ได้ยากแค่ตอนกิน แต่ยากเรื่องการถ่ายทำที่ต้องสลับตัวด้วย ต้องใช้ฝีมือในการถ่ายทำ วางแผนดี ๆ ให้คลิปออกมาสวย”

 

จากสถิติส่วนตัว พวกคุณเคยกินอะไรได้เยอะที่สุด

 

โป้ง : “อาหารน้ำหนัก 6 กิโลกรัมขึ้นไป เช่น เบอร์เกอร์ 6.5 กิโลกรัม หรือแกงกะหรี่ 6 กิโลกรัม

 

ปั้น : “เยอะขนาดที่ว่าเบอร์เกอร์ตั้งบนโต๊ะมีความสูงเท่าคนยืน”

 

เวลาเห็นอาหารเยอะขนาดนั้นรู้สึกยังไง

 

โป้ง : “ไม่ว่าจะเป็นเบอร์เกอร์ยักษ์ สเต็กถาดยักษ์ หรือกะเพราถาดยักษ์ ผมเห็นทีไรจะรู้สึกอยากกินมาก”

 

ปั้น : “ช่วงที่เพิ่งแข่งกินใหม่ ๆ จะรู้สึกตื่นเต้น ท้าทาย แต่แน่นอนว่าทุกเมนูไม่ได้อร่อยตลอดการกิน จะอร่อยแค่ช่วงแรก”

 

อยากให้แนะนำวิธีดูแลสุขภาพง่าย ๆ ที่ใครก็ทำได้

 

ปั้น : “ควรเริ่มจากการเลือกกินก่อน อะไรที่เขาบอกว่าไม่ดีต่อสุขภาพ อย่างของหวาน ของทอด น้ำตาล ฯลฯ ถ้าเลี่ยงได้ควรเลี่ยง ผมมักจะดุคนใกล้ตัวอยู่บ่อย ๆ เช่น คนที่ชอบกินจุบจิบ กินขนมก่อนกินข้าว สั่งชานมหวาน 100 เปอร์เซ็นต์ แทนที่จะลดหวานลงเหลือ 25 หรือ 50 เปอร์เซ็นต์ก็พอ”

 

โป้ง : “การเติมความหวานหรือความเค็มเป็นความเคยชิน ถ้ายิ่งเพิ่ม มันก็จะยิ่งเพิ่ม แต่ถ้าเรายิ่งลดมันก็จะยิ่งลด ความเริ่มต้นปรับพฤติกรรมตัวด้านการกิน ส่วนการออกกำลังกายที่หลายคนอาจจะคิดว่ามันยาก จริง ๆ แล้วสามารถเริ่มต้นได้ง่ายมาก แค่เดินเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน หรือออกไปวิ่งตอนเช้าโดยกำหนดระยะเวลาด้วยการวิ่งไปด้วย ฟังเพลงที่ชอบไปด้วยสัก 3 เพลง เดี๋ยวนี้เพลงมีความยาวกว่าเมื่อก่อน บางเพลงนาน 4-5 นาที วิ่ง 3 เพลงก็ประมาณ 15 นาทีเข้าไปแล้ว พออยู่ตัวก็ค่อย ๆ เพิ่มจำนวนเป็น 5 เพลงไปเรื่อย ๆ”  

 

ปั้น : “หรือใครที่ชอบเล่นเกม ก็อาจจะตั้งกฎกติกากับตัวเองว่า เล่นเกมจบหนึ่งตาแล้วต้องลุกมาวิดพื้น 10 ครั้ง จากนั้นค่อยเล่นเกมต่อ จะได้เป็นการเปลี่ยนอิริยาบถ ไม่ต้องนั่งหลังขดหลังแข็งอยู่ท่าเดียว”

 

โป้ง  : “พอออกกำลังกายไปได้สักพักจนเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย เราจะเกิดความรู้สึกอยากเพิ่มชาเลนจ์ให้ตัวเอง จนการออกกำลังกายกลายเป็นเรื่องสนุกและง่ายโดยไม่รู้ตัว”

 

ปั้น : “คนส่วนใหญ่มักถอดใจช่วงที่ยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย ถ้าเห็นเอวเริ่มลด เริ่มมีกล้าม ใส่เสื้อผ้าแล้วสวย จะทำให้เราค่อย ๆ ปรับร่างกายให้ดีขึ้นเรื่อย ๆ ขอแค่เริ่มต้นก่อน เริ่มจากการกินอย่างที่ผมบอกก็ได้”

 

คุณภาพการนอนหลับสำคัญแค่ไหน

 

โป้ง : “ผมว่าการตื่นสำคัญ ถ้าเราตื่นเช้าจะทำให้มีเวลาทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้มากกว่า ถ้าตื่นบ่ายเรื่องออกกำลังกายไม่ต้องพูดถึง ตัดออกไปได้เลย”

 

ปั้น : “แค่ตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวไปทำงานก็หมดเวลาแล้ว กว่าจะเลิกเรียนหรือเลิกงาน 3-4 ทุ่ม ใครจะอยากออกกำลังกาย”

 

อยากฝากบอกอะไรกับคนที่ติดตามช่อง The Fadd 

 

ปั้น : “ถ้าชอบคอนเทนต์ของเรา แค่ตามไปกินร้านอร่อยเฉย ๆ ก็ได้ครับ แต่ไม่ต้องกินเยอะเหมือนเรา เพราะทุกคอนเทนต์เราตั้งใจเลือกร้านที่อาหารอร่อยอยู่แล้ว ฝากติดตามคลิปไลฟ์สไตล์และที่เที่ยวดี ๆ ที่เราเตรียมขนมาแนะนำต่อในอนาคตด้วยครับ

 

ติดตาม The Fadd ได้ที่

 

Youtube : TheFadd  

Facebook : TheFadd BlogVlog : กิน เที่ยว ฟิต

Instagram : TheFadd_official

 

SHARE

facebook
twitter
copy
Related articles / บทความที่เกี่ยวข้อง
Loading...