มือใหม่หัดเบลนด์ คู่มือไม่ลับฉบับเบื้องต้น

10 Nov 2022 - 8 mins read

Art & Culture / Living Culture

Share

ใครว่าการเบลนด์ชาเป็นเรื่องที่ยากเกินเอื้อมถึง หรือเป็นงานอดิเรกที่สงวนไว้สำหรับคนสูงอายุเท่านั้น ยุคนี้คนเจนใหม่จำนวนไม่น้อยที่หันมาสนใจศาสตร์เกี่ยวกับชามากขึ้น ด้วยความลึกซึ้งของศาสตร์ที่น่าค้นหา ด้วยรสชาติหลากหลายที่ให้เราฝึกการแยกแยะ ตลอดจนได้งานอดิเรกสนุก ๆ ไว้ทำในวันว่าง นอกจากนี้การเบลนด์ชายังช่วยให้เราได้ค้นหาตัวเอง ได้ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาผ่านรสชาติอันซับซ้อนของใบชา และส่วนผสมที่เราเลือก 
 

ใครที่อยากลองเบลนด์ชาเองที่บ้าน เราก็มีคู่มือไม่ลับสำหรับมือใหม่หัดเบลนด์มาให้ทุกคนได้เรียนรู้เป็นแนวทาง ไม่แน่ว่าหากได้ลองสักครั้งคุณอาจตกหลุมรักการเบลนด์ชาจนถอนตัวไม่ขึ้น

ศิลปะแห่งการเบลนด์ชา

การเบลนด์ชานอกจากจะเป็นศาสตร์ศิลปะที่ได้รับความนิยม และสืบทอดต่อกันมาอย่างยาวนานแล้ว ยังมีความเป็นวิทยาศาสตร์อีกด้วย เพราะเกิดจากการทดลองซ้ำ ๆ เพื่อค้นหามิติของรสชาติแบบที่ต้องการ

 

หลักการพื้นฐานนั้นไม่ซับซ้อน คือ การนำใบชาและวัตถุดิบอื่น ๆ อาทิ ดอกไม้ ผลไม้ สมุนไพร หรือเครื่องเทศมารวมกันเพื่อให้ได้กลิ่น และรสใหม่ โดยอัตราส่วนที่แนะนำสำหรับมือใหม่คือ ใบชาต่อส่วนผสมอื่น ๆ ในอัตราส่วน 3 : 1 โดยสามารถใช้วัตถุดิบอื่น ๆ ผสมลงไปได้ตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไป แต่ไม่ควรมากเกินไป เพราะจะทำให้กลิ่น และรสชาติตีกันได้

 

ใบชาที่ขอแนะนำสำหรับนักเบลนด์มือใหม่ คือ “ชาแดง” และ “ชาอู่หลง” เพราะมีรสชาติที่ค่อนข้างเป็นกลาง ไม่ขม มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ เมื่อนำไปเบลนด์จึงไม่กลบวัตถุดิบอื่น ๆ และไม่ถูกวัตถุดิบอื่นกลบได้ง่าย ถึงอย่างนั้นก่อนที่จะเข้าสู่บทเรียนการเบลนด์ชา การรู้จักคาแรคเตอร์ของชาแต่ละประเภทก็สำคัญ เพื่อให้เรามีคลังความรู้ และสนุกกับการเบลนด์ชาได้มากขึ้น

4 ใบชาที่ควรรู้จัก

ชาเขียว : เป็นชาจากยอดอ่อนใบชาที่ผ่านกรรมวิธีการผลิตด้วยการนวด และอบไอน้ำ ไม่ผ่านการหมัก โดยชาเขียวที่เหมาะกับการนำมาเบลนด์ควรมีแหล่งกำเนิดจากภูเขาสูงที่อากาศเย็นเพื่อให้ได้ใบชาที่มีคุณภาพ เช่น ใบชาจากญี่ปุ่น เป็นต้น

 

ชาแดง : เป็นใบชาแบบเต็มใบที่ผ่านกระบวนการหมักแบบเต็มที่ ก่อนจะนำไปนวดแล้วอบให้แห้ง มีสีแดงสว่าง ให้รสกลมกล่อมเฉพาะตัว มีจุดเด่นที่กลิ่นหอมอ่อน ๆ คล้ายดอกไม้ มีสรรพคุณช่วยลดความเครียด ทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เป็นที่นิยมมากในเอเชีย โดยเฉพาะประเทศจีน อินเดีย และศรีลังกา ซึ่งเป็นแหล่งผลิตชาที่หลายคนคุ้นหูดีอย่างอัสสัม ดาร์จีลิง และซีลอน

ชาขาว : เป็นชาที่ได้รับฉายาว่าชาของชนชั้นสูง เพราะจะเลือกเก็บเฉพาะยอดอ่อนของใบชาที่อยู่บนยอดสุดเพียงใบเดียว จึงยังมีขนเล็ก ๆ สีขาวเงินปกคลุมอยู่ ก่อนจะนำมาตากแดดหรืออบให้แห้งในทันทีโดยไม่ผ่านกระบวนการหมักบ่ม ใบชาชนิดนี้ให้น้ำชาสีเหลืองทองอ่อน รสชาตินุ่มนวล ไม่ฝาด ทำให้หากเบลนด์ไม่ดีรสชาติของชาจะถูกกลบ เหมาะสำหรับนำไปเบลนด์ชารสชาติเบา ๆ ที่ให้รสละเมียดละไม

 

ชาอู่หลง : มีชื่ออีกอย่างว่า ชามังกรดำ เป็นหนึ่งในชาที่ได้รับความนิยมมากในจีน รสชาติจะคล้ายกับชาเขียวแต่มีกลิ่นแรงกว่า เพราะผ่านการคั่ว และหมักก่อนจะนำมาอบให้แห้ง สีของชาอู่หลงนั้นมีหลายเฉด ขึ้นอยู่กับกระบวนการที่แตกต่างกันของแต่ละท้องถิ่น แต่ให้รสชาติที่กลมกล่อมเหมือนกัน เป็นชาอีกหนึ่งชนิดที่คนนิยม
นำมาเบลนด์

3 กลุ่มวัตถุดิบยอดนิยมน่าเบลนด์

จริง ๆ แล้วเราสามารถนำชาไปเบลนด์กับอะไรก็ได้ แต่ที่ได้รับความนิยมที่สุด คือ ดอกไม้ สมุนไพร และผลไม้อบแห้ง นอกจากรสชาติ และสีสันแล้ว ยังมีเรื่องของสรรพคุณที่ได้ด้วย สำหรับมือใหม่มีอะไรให้เลือกใช้ได้บ้าง ขอแนะนำตามนี้ก่อน

 

กลุ่มดอกไม้

ดอกกุหลาบ : ดอกไม้สีสันสดใส ช่วยบำรุงระบบไหลเวียนโลหิต ช่วยคลายเครียด เหมาะกับชาวออฟฟิศซินโดรมสุด ๆ

ดอกคาโมมายล์ : ดอกไม้กลิ่นหอมอ่อนที่ช่วยให้หลับสบาย ลดปวดประจำเดือน

ดอกเก๊กฮวย : ดอกไม้กลิ่นหวานหอม สรรพคุณเด่น ๆ คือ แก้ร้อนใน เพิ่มความสดชื่น แก้อาการหวัด 

ดอกหอมหมื่นลี้ : ดอกไม้ไซส์มินิที่คุณประโยชน์เกินตัว ช่วยบำรุงระบบประสาท บำรุงผิว เติมความชุ่มชื้น ใครอยากได้ชาที่ช่วยชะลอความแก่ต้องเบลนด์เข้ากับดอกนี้เลย

กลุ่มสมุนไพร

ใบเตย : มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ เฉพาะตัว ช่วยให้สดชื่น ลดอาการอ่อนเพลีย แก้กระหายน้ำ เหมาะสำหรับเบลนด์เป็นชาดื่มในหน้าร้อน

ขิง : ช่วยลดอาการท้องอืด ให้กลิ่น และรสเผ็ดร้อน ช่วยให้เจริญอาหาร ขับเสมหะ ลดอาการเจ็บคอ ช่วงปลายฝนต้นหนาวแบบนี้ จิบชาที่เบลนด์ด้วยขิงบ่อย ๆ ยังป้องกันอาการหวัดได้

สะระแหน่ : ให้กลิ่นหอมสดชื่นเหมือนกลิ่นมินต์ของฝรั่ง ช่วยย่อยอาหาร บรรเทาอาการลำไส้แปรปรวน และรักษาไมเกรนได้

เก๋ากี้ : หรือที่เรียกอีกอย่างว่าโกจิเบอร์รี ช่วยบำรุงสายตา บำรุงประสาท เพิ่มภูมิคุ้มกัน เหมาะกับคนที่ใช้สายตาทำงานทั้งวัน

 

กลุ่มผลไม้อบแห้ง

เปลือกส้ม : มีกลิ่นหอมสดชื่น ให้รสชาติหวานอมเปรี้ยว ช่วยแก้อาการกรดไหลย้อน และคลายเครียดได้

พุทราจีน : หนึ่งในส่วนผสมที่นิยมมากในจีน ให้กลิ่นหวานหอม บำรุงผิวให้แข็งแรงสุขภาพดี บำรุงเลือด ช่วยชะลอวัย มีประโยชน์มากสำหรับผู้หญิง

มะม่วง : ให้กลิ่นหวานหอมแบบฟรุตตี้ เหมาะจะเบลนด์ชาที่ให้คาแรคเตอร์สดชื่น ช่วยบำรุงหัวใจ เสริมภูมิต้านทานให้ร่างกาย

พีช : เป็นอีกหนึ่งส่วนผสมที่นิยมมากในการเบลนด์ชา เพราะมีกลิ่นหวานหอมเฉพาะตัว ช่วยบำรุงกระดูก มีไฟเบอร์สูง ช่วยเรื่องการขับถ่าย เหมาะสำหรับคนที่กำลังควบคุมน้ำหนัก

การเบลนด์ชาอย่างง่ายเริ่มกันเลย

หลักการเบลนด์ชาสำหรับผู้เริ่มต้นนั้นไม่ยาก สิ่งที่ต้องจำไว้คือการค่อย ๆ เติมแล้วชิมรสชาติจนกว่าจะได้กลิ่นและรสที่ต้องการ อย่าผสมทุกอย่างลงไปในคราวเดียว เพราะจะแก้ไขรสลำบาก ควรเลือกกลิ่น และรสที่ช่วยส่งเสริมกัน เช่น ดอกไม้ที่ให้กลิ่นหอมสดชื่นกับผลไม้รสเปรี้ยวอมหวาน  ไม่ควรเลือกดอกไม้หรือสมุนไพรที่มีรสจัดกลิ่นรุนแรงมาอยู่ด้วยกัน เพราะจะทำให้รสชาติตีกันจนขาดความอร่อย 

 

ขั้นตอนการเบลนด์ชาทำได้ดังนี้

1. เตรียมใบชา และวัตถุดิบที่ต้องการให้พร้อม ค่อย ๆ เบลนด์โดยใช้อัตราส่วน ใบชา 3 ส่วนต่อส่วนผสมอื่น ๆ 1 ส่วน โดยเติมลงไปทีละน้อยจนกว่าจะได้กลิ่นตามที่ต้องการ

2. ทดลองชงชาด้วยน้ำอุณหภูมิประมาณ 95 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ดีที่สุดสำหรับการชงชาเบลนด์ น้ำแรกให้เททิ้งไปก่อน เพราะถือว่าเป็นน้ำล้างใบชา สำหรับน้ำที่สองให้ชงทิ้งไว้ประมาณ 2 - 3 นาที

3. หากยังไม่ได้รส และกลิ่นแบบที่ชอบให้วนกลับไปทำขั้นตอนที่ 1 และ 2 ใหม่ การเบลนด์ชาไม่สามารถชิมรส และดมกลิ่นที่แท้จริงจากใบชาแห้งได้ ต้องนำมาชงเพื่อชิมทุกครั้ง หากได้ชาแบบที่ต้องการแล้ว นำมาบรรจุใส่กระปุกที่แห้งสะอาด หรือบรรจุลงถุงกรองชาก่อนจะเก็บในโหลที่มีฝาปิดมิดชิด 

 

ศาสตร์การเบลนด์ชานั้นยังมีพื้นที่อีกมากให้เหล่านักเบลนด์มือใหม่ได้ศึกษา และเล่นสนุก ไม่ว่าจะเป็นการเบลนด์ชาตามรสชาติที่อยากได้ เบลนด์ชาตามกลิ่นในความทรงจำ หรือการสร้างสรรค์รสชาติใหม่ ๆ ที่ยังไม่มีใครเคยได้ลิ้มรสมาก่อน วันหยุดที่กำลังจะมาถึงนี้ หากใครยังไม่มีไอเดียกิจกรรมที่จะทำ ลองแวะไปร้านชาซื้อใบชาและวัตถุดิบต่าง ๆ กลับมาลองเบลนด์ดูที่บ้าน รับรองว่าคุณจะหลงรักงานอดิเรกที่ทั้งสนุก ผ่อนคลาย และดีต่อใจนี้แน่นอน

SHARE

facebook
twitter
copy
Related articles / บทความที่เกี่ยวข้อง
Loading...