เปิด ‘แคปซูลกาลเวลา’ ดูหนังและซีรีส์ 7 เรื่องที่ชวนให้คิดถึงวันวานในความทรงจำ

20 Dec 2024 - NaN mins read

Art & Culture / Entertainment

Share

ทุกครั้งที่ได้เปิดดูหนังโปรดเรื่องเก่า ๆ คงทำให้รู้สึกราวกับได้เปิด ‘ไทม์แคปซูล’ ของวันวาน  

 

ทั้งแฟชั่น เพลง เทปคาสเซท ซีดี เครื่องเล่นวิดีโอ เกมบอย วิถีชีวิต ข้าวของในอดีตที่ยังดูใหม่และน่าตื่นตาตื่นใจอยู่เสมอในภาพยนตร์เรื่องนั้น  

 

ผู้คนก็เช่นกัน แม้ภาพยนตร์จะจบไปแล้ว แต่ราวกับว่าตัวละครเหล่านั้นยังได้ใช้ชีวิตอยู่ในคืนวันที่แสนสุขนั้นตลอดกาล ก่อนจะหมดปีนี้ LIVE TO LIFE ขอชวนทุกคนมาเปิดดูหนังเก่า 7 เรื่อง ที่จะพาเราไปท่องวันวานที่คิดถึงอีกครั้ง  

 

ALWAYS : Sunset on the Third Street  

(2005)  

 

“ไม่ว่าพรุ่งนี้ มะรืนนี้ หรืออีก 50 ปี ....พระอาทิตย์ตอนตกดิน.... ก็สวยเสมอ” 

อิปเป 

 

ในปี ค.ศ. 1958 หลังจากพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นก็เริ่มก่อร่างสร้างเมืองอีกครั้ง เป็นปีที่ดอกไม้ผลิบาน ชีวิตใหม่ใต้ท้องฟ้าผืนเดิมกำลังจะเริ่มต้นขึ้น  

 

ภาพยนตร์นี้เป็นเรื่องราวของผู้คนบนถนนสายที่สามของโตเกียวในปีนั้น ริวโนะสุเกะ นักเขียนการ์ตูนไส้แห้งพบรักกับ ฮิโรมิ หญิงสาวเจ้าของบาร์สาเกใกล้บ้าน เขาจับพลัดจับผลูต้องดูแล จุนโนะสุเกะ เด็กชายที่เจ้าของบาร์คนเก่าทิ้งเอาไว้ในซอยเดียวกันนั้นมีอู่ซ่อมรถซูซูกิออโต้ของครอบครัวซูซูกิ และมีพนักงานซ่อมรถชื่อ มัตสึโกะ สาวน้อยจากบ้านนาที่เพิ่งเข้ามาทำงานในโตเกียวเป็นครั้งแรก  

 

ทุกชีวิต ทุกความสัมพันธ์ค่อย ๆ เติบโต เรียนรู้และเปลี่ยนแปลงไปพร้อม ๆ กับเมืองโตเกียวที่ค่อย ๆ ฟื้นคืนหลังสงคราม ฉากหลังของทุกชีวิตคือโตเกียวทาวเวอร์ที่ค่อย ๆ เป็นรูปเป็นร่าง มีทีวีจอนูนเก่า ๆ ที่ถ่ายทอดสดพิธีเปิดโอลิมปิกโตเกียวในสมัยนั้น บาร์สาเกดั้งเดิม โรงละครที่ยังเฟื่องฟู และได้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนที่นั่น นอกจากบันทึกช่วงเวลาเหล่านั้นไว้อย่างงดงามแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังชวนให้เราอิ่มเอมใจไปกับทุกความสัมพันธ์อีกด้วย  

 

ปัจจุบันภาพยนตร์ Always Sunset on The Third Street ไม่มีช่องให้รับชมทางออนไลน์ สามารถรับชมได้จากแผ่น DVD เท่านั้น  

 

Clueless (1995) 

 

“คุณก็เห็นว่าฉันพิถีพิถันกับการเลือกรองเท้าแค่ไหน 

ทั้ง ๆ ที่มันแค่ใส่อยู่ที่เท้าเท่านั้น”  

แชร์ โฮโรวิตซ์ 

 

ถ้ายุคนี้มีพี่น้องบ้านคาร์ดาเชียน ในยุค 90 ก็มี แชร์ โฮโรวิตช์ ลูกคุณหนูไฮโซ ชีวิตดี ต้นแบบที่เด็กสาวชาวอังกฤษยุคนั้นใฝ่ฝัน พ่อของเธอเป็นทนายความที่โด่งดัง อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ใจกลางเบเวอร์ลีฮิลส์ เธอขับรถจี๊ปสีขาวรุ่นใหม่ไปเรียน เธอกับ ดีออน เพื่อนสนิท มักจะหาทำเรื่องสนุก ๆ แบบเด็กไฮสคูลตลอดเวลา  

 

ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าเรื่องวุ่น ๆ ในชีวิตวัยรุ่นของแชร์ ทั้งการเรียน ความรัก ครอบครัว เพื่อน ปาร์ตี้ แฟชั่น อาจไม่มีประเด็นที่หวือหวาอะไร แต่กลับเป็นภาพยนตร์ที่ชวนให้คิดถึงยุค 90 อีกเรื่องหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผมของแชร์และดีออน ที่เรียกได้ว่ารวมแฟชั่นสุดฮิตในยุคนั้นมาไว้ในตู้เสื้อผ้า ทั้งมินิสเกิร์ต รองเท้าบู๊ตยาว เสื้อผ้าลายสก็อตสีสดใส ผมบลอนด์ตรง ประดับด้วยที่คาดผมเข้าชุด ต่างหูมุกเล็ก ๆ เป็นเซตลูกคุณหนูเบเวอรีฮิลล์ที่ถูกต้อง อีกทั้งจริตจะก้าน ความคิดของแชร์ยังเป็นตัวแทนของเด็กสาวสวย รวย เก่งในยุคนั้นได้อย่างชัดเจน เชื่อว่าหากได้ดูแล้วคงทำให้ใครหลาย ๆ คนคิดถึงความสนุกในยุค 90 เป็นแน่  

 

ดู Clueless ได้ที่ Netflix,  Google Play, Apple TV 

 

แฟนฉัน (2003) 

 

“สุดท้ายเราจะคิดถึงกัน ในฐานะความทรงจำที่ดีที่สุด” 

เจี๊ยบ 

 

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนแต่รักแรกยังคงตราตรึงอยู่ในใจเสมอ เช่นเดียวกับในเรื่อง แฟนฉัน ที่พาเราย้อนกลับไปในปี พ.ศ.2528 ช่วงเวลาที่รักแรกของ เจี๊ยบ และ น้อยหน่า ผลิบาน ทั้งสองคนเป็นเด็กชายและเด็กหญิงชั้นประถมที่อาศัยอยู่ในตึกแถวที่มีเพียงร้านชำกั้น ทั้งสองใช้เวลาด้วยกันทุกวัน ทั้งไปโรงเรียนด้วยกัน เล่นด้วยกัน ปั่นจักรยานด้วยกัน เกิดเป็นความสนิทสนม น่ารักฉบับเด็ก ๆ  

 

ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้เราได้เห็นวิถีชีวิตในต่างจังหวัดเมื่อในอดีต หลาย ๆ คนเติบโตมากับรถโรงเรียนเก่า ๆ การละเล่นโดดยาง เล่นพ่อ แม่ ลูก เล่นบทบาทสมมุติเป็นพระเอกหนังจีนกำลังภายใน พากันไปโดดน้ำคลอง เล่นตุ๊กตากระดาษ แค่ได้ดูก็ชวนให้คิดถึงบรรยากาศในวันวาน และคิดถึงรักแรกที่ยังคงหอมหวานอยู่ในใจ แม้ท้ายที่สุดแล้วทั้งสองจะต้องจากกันไปอย่างน่าเสียดาย แต่รักแรกยังคงแจ่มชัดอยู่ในใจราวกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน  

 

ดู แฟนฉัน ได้ที่ Netflix, Google Play, Apple TV 

 

My Mad Fat Diary (2013) 

 

“แม้แต่สิ่งที่เหมือนเดิมมาหลายต่อหลายปียังเปลี่ยนได้ 

บางทีฉันก็อาจเปลี่ยนแปลงตัวเองได้เช่นกัน”  

เรย์ เอิร์ล 

 

ในวันแย่ ๆ ของเรย์ เอิร์ล คงไม่มีอะไรปลอบประโลมเธอได้ดีไปกว่าเพลงร็อกของ Oasis ที่ดังมาจากเครื่องเล่นเทปคาสเซท ในปีนั้นเรย์คือเด็กสาวอายุ 16 ปี น้ำหนักเกินเกณฑ์ และมีพฤติกรรมชอบทำร้ายตัวเองจนต้องรับการรักษาที่โรงพยาบาลจิตเวชเป็นเวลา 4 เดือน เธอเป็นเด็กสาวที่มีความคิดว้าวุ่น สนใจเรื่องเพศ อยากรู้ อยากลองเหมือนเด็กสาวคนอื่น เพียงแต่รูปลักษณ์ที่แตกต่างทำให้เธอไม่มั่นใจ เอาแต่เขียนความรู้สึกลงไดอารี่ เรย์กำลังพยายามฝึกรักตัวเองอย่างสุดความสามารถและก้าวผ่านช่วงวัยรุ่นแสนว้าวุ่นไปให้ได้ ไม่ว่าเธอจะมองตัวเองอย่างไร แต่ก็ยังมีคนรอบกายที่ยังรักและหวังดีเสมอโดยไม่สนว่าเธอจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร  

 

วัยว้าวุ่นของเรย์มีฉากหลังคือปี ค.ศ. 1996 หนุ่มสาวยังจีบกันด้วยการอัดเพลงทำเป็นมิกซ์เทป พากันไปร้านขายแผ่นเพลง ไม่ว่าจะอกหัก หรือมีความรัก เพลงก็ช่วยปลอบประโลมได้เสมอ ในเรื่องเราจะได้ฟังเพลงของวงร็อกยุค 90 มากมาย อย่าง Oasis, Suede, Blur, The Cure, Radiohead ฯลฯ เป็นเพลงในตำนานที่อยู่กับชีวิตวัยรุ่นในทุกช่วงเวลา  

 

ดู My Mad Fat Diary ได้ที่ Prime Video, Hulu 

 

Reply 1988 (2015) 

 

“นั่นคือปี 1988 ช่วงเวลาที่อากาศเย็น แต่ในใจร้อนรุ่ม  

เป็นช่วงเวลาที่เราไม่ได้มีอะไรมากมาย แต่หัวใจของผู้คนกลับอบอุ่น”  

ด็อกซอน 

 

ถ้าพูดถึงซอย ‘ซังมุนดง’ ความทรงจำในปี ค.ศ. 1988 คงผุดขึ้นมามากมายในห้วงคำนึงของ ดอกซอน จองฮวาน แท็ก โดรยอง และ ซอนอู กลุ่มเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงที่เติบโตมาด้วยกันในซอยนั้น มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นที่นั่น โดยมีฉากหลังเป็นปี ค.ศ. 1988 ที่เต็มไปด้วยสีสัน ปีนั้นที่กรุงโซลจัดโอลิมปิกขึ้นครั้งแรก ประชาธิปไตยก็เริ่มเบ่งบาน หนุ่มสาวเปี่ยมด้วยความหวังเมื่อได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองศิวิไลซ์ 

 

ในยุคแอนะล็อก เพื่อนบ้านยังคอยส่งกับข้าวมาแลกกัน กลุ่มแม่บ้านตั้งวงเม้าท์ เด็กวัยรุ่นมักมารวมตัวกันเล่นสนุกแบบเด็กยุค 80s จีบกันแบบออฟไลน์ ชุลมุนวุ่นวายแต่ก็น่ารัก ซีรีส์เรื่องนี้สำหรับหลาย ๆ คนแล้วกลับไปดูกี่ครั้งก็ยังรู้สึกอบอุ่นอยู่เสมอ ขึ้นแท่นเป็นซีรีส์ที่ถูกเปิดดูซ้ำ ๆ หลายครั้ง และเมื่อคิดถึงซอยซังมุนดง คงมีแต่ภาพแสนอบอุ่นของผู้คนที่นั่น  

 

ดู Reply 1988 ได้ที่ Netflix, VIU, iQIYI 

 

 

SuckSeed (2011) 

 

“เดี๋ยวนี้มันยุคของดนตรีแล้วเว้ย !”  

คุ้ง 

 

พาย้อนกลับไปช่วงปี พ.ศ.2549 ที่วงร็อกไทยกำลังได้รับความนิยม จนเด็ก ม.ปลายพากันฟอร์มวงไปแข่งบนเวที Hot Wave เป็ด คุ้ง และ เอ็กซ์ สามเพื่อนซี้ก็อยากตามกระแสกับเขาบ้าง เลยรวมตัวกันทำวงดนตรี ทั้ง ๆ ที่เล่นดนตรีกันไม่เก่งสักคน จึงเกิดเป็นเรื่องราววุ่น ๆ ขึ้น ไม่ใช่ทุกวงที่จะประสบความสำเร็จได้กลายเป็นศิลปินอาชีพอย่างที่เคยฝันไว้ แม้จะเล่นห่วยแค่ไหน แต่การได้เล่นดนตรี ทำอะไรบ้า ๆ บอ ๆ กับเพื่อนกลับกลายเป็นความทรงจำที่ยังทุ้มอยู่ในใจของพวกเขาตลอดกาล 

 

เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ Coming of Age ที่บันทึกยุคสมัยได้เป็นอย่างดี นอกจากนักแสดงวัยรุ่นแล้ว ในเรื่องยังมีวงร็อกในตำนานโผล่มาในซีนอยู่บ่อย ๆ ทั้ง Blackhead, Paradox, So Cool และ Bodyslam ที่ถือว่าเป็นไอดอลของวัยรุ่นยุค 2000 ต้น ๆ เลยก็ว่าได้ ทั้งเรื่องราวของมิตรภาพ รักแรก วันที่อกหัก รักคุด ทุกช่วงชีวิตวัยรุ่นล้วนมีเพลงของพวกเขาเหล่านี้อยู่เคียงข้าง 

 

ดู SuckSeed ได้ที่ Netflix, Google Play, Apple TV 

 

 

Before Sunrise (1995)  

 

“ผมอยากเจอคุณเร็วกว่านี้จังเลย  

ผมชอบคุยกับคุณมากจริง ๆ”  

เจสซี  

 

หากย้อนเวลากลับไปในปี ค.ศ. 1994 สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยเวลาเดินทางด้วยรถไฟนาน ๆ คือหนังสือสักเล่ม และสำหรับเรื่อง Before Sunrise หนังสือนั้นเป็นสื่อกลางที่ทำให้สองหนุ่มสาวได้ทำความรู้จักกัน  

 

เซลีน เพิ่งกลับจากเยี่ยมคุณยายของเธอที่ปารีส ส่วน เจสซี กำลังจะเดินทางไปเวียนนาเพื่อขึ้นเครื่องกลับอเมริกา ทั้งสองรู้จักกันโดยบังเอิญบนรถไฟที่วิ่งมาจากบูดาเปสต์ ทั้งคู่แชร์หนังสือที่กำลังอ่านเป็นบทสนทนาแรก ๆ และเริ่มคุยเรื่องสัพเพเหระอย่างออกรส ก่อนจะตัดสินใจลงจากรถไปเที่ยวในเวียนนาด้วยกันเป็นเวลา 1 วัน ก่อนแยกจากกันในรุ่งเช้าอีกวัน โดยไม่ได้แลกช่องทางติดต่อใด ๆ และตกลงกันว่าจะมาเจอกันที่เดิมในอีก 6 เดือนข้างหน้า  

 

บรรยากาศของกรุงเวียนนาในยุคแอนะล็อก ไร้สมาร์ตโฟนดึงความสนใจ ทำให้ทั้งคู่ตกหลุมรักกันได้อย่างง่ายดาย แม้ไม่มี Google map แต่พวกเขาก็ได้ไปเยือนแลนด์มาร์กต่าง ๆ จากคำแนะนำของคนท้องถิ่น ทั้ง ชิงช้าสวรรค์ยักษ์เวียนนา เดินเลียบคลองดานูบ ได้พบกับนักกวีข้างทาง ไปร้านแผ่นเสียง ฟังเพลง จิบกาแฟและนั่งคุยกันไปเรื่อย ๆ อย่างไม่รู้จบ นอกจากรักโรแมนติกของหนุ่มสาวยุคแอนะล็อกแล้ว เรายังได้เห็นเวียนนาในมุมสวย ๆ ในยุคนั้น แดดอ่อน ๆ หลังจากพระอาทิตย์ขึ้นเมื่อผ่านแผ่นฟิล์มแบบเก่ายิ่งให้ความรู้สึกอบอุ่นและชวนให้คิดถึงคืนวันเก่า ๆ  

 

ดู Before Sunrise ได้ที่ Prime Video, Apple TV 

 

ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แต่ทุกครั้งที่ได้เปิดดูภาพยนตร์เรื่องเก่าก็ชวนให้คิดถึงวันวานได้เสมอ นอกจาก 5 7 เรื่องนี้แล้ว มีภาพยนตร์เรื่องไหนที่เป็นเหมือน ‘ไทม์แคปซูล’ สำหรับทุกคนบ้าง ? ลองเล่าให้เราฟังหน่อยนะ 

 

SHARE

facebook
twitter
copy
Related articles / บทความที่เกี่ยวข้อง
Loading...