

ชวนดูหนังญี่ปุ่นดีต่อใจที่ทำให้เห็นความหมายของชีวิตและรู้สึก ‘ภาคภูมิใจในตัวเอง’
Art & Culture / Entertainment
05 Jun 2024 - 5 mins read
Art & Culture / Entertainment
SHARE
05 Jun 2024 - 5 mins read
สิ่งที่ทำให้คุณรู้สึก ‘ภาคภูมิใจในชีวิต’ คืออะไร ?
บางคน ‘ความภาคภูมิใจ’ คือประสบความสำเร็จในงาน ความมั่งคั่ง ชื่อเสียง สำหรับบางคนแค่ได้กินของอร่อยเป็นมื้อเย็นก็ถือเป็นความภาคภูมิใจของวันนี้แล้ว
LIVE TO LIFE เลยอยากชวนทุกคนไปดูภาพยนตร์ญี่ปุ่น 5 เรื่อง ที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของผู้คนที่หลากหลาย บางคนถูกเลือกปฏิบัติจากสังคมเพราะความแตกต่าง บางคนกำลังพยายามเอาชนะอุปสรรค บางคนกำลังทำความรู้จักกับตัวเอง ทุกตัวละครต่างกำลังเรียนรู้ที่จะเข้าใจชีวิตและรู้สึก ‘ภาคภูมิใจในตัวเอง’ ซึ่งสิ่งนั้นทำให้ชีวิตของพวกเขามีความหมาย
What Did You Eat Yesterday?
เมื่อวานคุณทานอะไร ? (2021)
“ตราบใดที่คุณมีใครสักคนที่อยากทำอาหารให้
ก็ไม่มีอะไรยากเกินไป ที่จะเริ่มใหม่ได้เสมอ”
เรื่องราวของ ชิโระ คาเคอิ ทนายมาดขรึม และ เคนจิ ยาบุกิ ช่างตัดผมอารมณ์ดี คู่รักเกย์วัย 40+ ที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในอพาร์ตเมนต์ เรื่องนี้มีต้นฉบับมาจากมังงะเรื่อง Kino Nani Tabeta? (What did you eat yesterday?) และเป็นซีรี่ส์ 12 ตอนในชื่อเดียวกัน
ทุก ๆ วันของชิโระและเคนจิเป็นวันธรรมดา ๆ ที่มีสีสันด้วยเมนูอาหารแสนอร่อยที่ทั้งสองช่วยกันปรุง ดูผิวเผินนี่อาจเป็นชีวิตที่มีความสุขที่สุด แต่อย่างไรก็ตามการเป็นคู่รัก LGBTQ+ ในสังคมญี่ปุ่นนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเสียทีเดียว เพราะยังเป็นเรื่องใหม่ในสังคมที่มีความอนุรักษ์นิยมเข้มข้น ทำให้แต่ละวันมีบททดสอบมากมายที่ทำให้ทั้งชิโระและเคนจิต้องจับมือกันฝ่าฟันไปให้ได้เพื่อรักษาความสัมพันธ์ของพวกเขา โดยมีเพื่อน ๆ รอบข้างที่เข้าใจและคอยเป็นกำลังใจอยู่ข้าง ๆ
ภาพยนตร์เรื่องนี้พาเราไปสัมผัสความน่ารัก ความอบอุ่น ของคู่รักและผู้คนที่คอยสนับสนุนพวกเขา ที่จะทำให้เห็นว่าความรักของทุกเพศเป็นสิ่งสวยงาม แม้จะเจออุปสรรคมากมาย แต่ความรักและความภาคภูมิใจในการเป็นตัวเองจะเป็นพลังที่ทำให้ผ่านทุกอย่างไปได้
รับชมได้ที่ : Netflix
The Fish Tale
ลูกปลาน้อย (2022)
“ว่ายไปเลยในมหาสมุทรกว้างใหญ่ ไม่มีอะไรดีไปกว่าได้ทำในสิ่งที่เรารัก”
มี่โบ เป็นเด็กหญิงที่คลั่งไคล้ปลาสุด ๆ เธอสนใจเรื่องปลามากจนเรียกได้ว่าเป็นผู้ช่ำชองเรื่องปลาเลยก็ว่าได้ แต่ความชอบปลาแบบสุดโต่งของมี่โบทำให้คนอื่น ๆ มองว่าเธอเป็นคนเพี้ยน และนอกจากเรื่องปลาแล้วมี่โบก็ไม่ค่อยเก่งเรื่องอะไรเลย แม้แต่เรื่องการสื่อสาร เธอก็ดูจะคุยกับปลารู้เรื่องมากกว่าคุยกับคน ทำให้เป็นเรื่องยากเมื่อต้องปรับตัวเข้ากับสังคม แต่ถึงอย่างนั้นมี่โบก็มีเพื่อน ๆ และครอบครัวที่เข้าใจคอยเอาใจช่วยเธอเสมอ
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตของมี่โบคือวัยที่ต้องเริ่มทำงานเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง เพราะเธอไม่เก่งอะไรเลยนอกจากปลา จึงทำให้ชีวิตยากไปหมด จนมีบ้างที่คิดว่าเธอจะตัดใจจากปลาแล้วหันมาใช้ชีวิตแบบคนทั่วไป แต่มี่โบพิเศษกว่านั้น ไม่ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร สิ่งที่ยังมั่นคงเสมอสำหรับเธอคือความรักที่มีต่อปลา สุดท้ายแล้วการยืนหยัดที่จะแตกต่างและทำในสิ่งที่รักทำให้มี่โบได้ใช้ชีวิตในแบบที่เธอเป็นและแหวกว่ายอยู่ท่ามกลางฝูงปลาที่เธอรัก
ภาพยนตร์เรื่องนี้มีเค้าโครงจากเรื่องจริง เป็นอัตชีวประวัติขนาดย่อม ๆ ของ ซาคานะคุง (Sakanakun) นักชีววิทยาทางทะเลชื่อดังของญี่ปุ่นที่เชี่ยวชาญเรื่องปลาพิเศษ เขามักจะปรากฏตัวพร้อมหมวกรูปปลา และสร้างเสียงหัวเราะให้ผู้ชมได้ทุกครั้ง
รับชมได้ที่ : Blu-ray DVD (ปัจจุบันไม่มีให้รับชมทางออนไลน์)
37 Seconds
37 วินาที (2019)
“ถ้าฉันเริ่มหายใจเร็วกว่าเดิมอีกแค่วินาทีเดียว
ฉันอาจเป็นอิสระเหมือนเธอ แต่ว่าฉันดีใจที่เป็นฉัน”
ตอนที่เพิ่งคลอด ยูมะ ไม่หายใจเป็นเวลานานกว่า 37 วินาที ส่งผลต่อสมองทำให้เธอพิการตั้งแต่ยังเป็นทารก เธออาศัยอยู่กับแม่สองคนและมีอาชีพเป็นผู้ช่วยนักวาดมังงะ ยูมะวาดรูปได้ดีและอยู่เบื้องหลังลายเส้นสวย ๆ มากมาย แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าเธอมีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้ด้วยซ้ำ ยูมะจึงไปสมัครเป็นนักวาดในสำนักพิมพ์มังงะแนววาบหวิวแห่งหนึ่ง เพื่อหวังว่าจะหลุดพ้นจากเงาของคนอื่นและเฉิดฉายด้วยตัวของเธอเอง แต่สำนักพิมพ์แห่งนั้นมองว่ายูมะที่นั่งอยู่บนรถเข็นตลอดอาจจะวาดรูปไม่ได้ไม่สมจริง เพราะเธอไม่เคยมีประสบการณ์ได้สัมผัสสิ่งต่าง ๆ ในโลก
ยูมะตัดสินใจแยกออกจากอ้อมอกแม่ไปลองใช้ชีวิตแบบสุดเหวี่ยงในแบบที่ไม่เคยทำ และได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ที่น่าทึ่งมากมาย ที่ไม่เคยมองว่าความพิการของเธอจะเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิต ทำให้เธอได้สัมผัสโลก รู้จักชีวิต และตระหนักได้ว่าแม้ร่างกายจะแตกต่าง แต่เธอก็ดีใจที่ได้เป็นตัวเองเช่นในทุกวันนี้
รับชมได้ที่ : Netflix
Call Me Chihiro
ฉันชื่อจิฮิโระ (2023)
“เราทุกคนเป็นมนุษย์ต่างดาวที่อยู่ในกล่องมนุษย์
ไม่แปลกใจเลยที่เราจะไม่เข้าใจกัน”
จิฮิโระ เป็นอดีตหญิงขายบริการที่ผันตัวมาเป็นพนักงานร้านข้าวกล่อง เธอเป็นผู้หญิงที่ผ่านความเจ็บปวดจนเคยมีความคิดที่จะจบชีวิตของตัวเอง แต่เมื่อตัดสินใจที่จะมีชีวิตอยู่ ชีวิตหลังจากนั้นก็เหมือนได้เกิดใหม่ แม้จะถูกเหยียดหยาม เจออุปสรรคต่าง ๆ เธอก็ไม่ได้เศร้า แต่กลับมองทุกสิ่งเป็นความธรรมดาของโลก และเพราะเธอเป็นคนหนึ่งที่ผ่านอะไรมากมายจนเข้าใจชีวิต เธอจึงมีความสามารถพิเศษ เข้าใจความรู้สึกผู้คนรอบข้างได้เป็นอย่างดี ทำให้จิฮิโระสามารถเข้าไปเติมเต็มช่องว่างในใจของผู้คนเหล่านั้นได้ และทำให้พวกเขารู้สึกเชื่อมั่นในตัวเองได้อีกครั้ง
นอกจากเรื่องราวของจิฮิโระแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังเล่าถึงความสัมพันธ์หลากหลายแบบไปพร้อม ๆ กัน ทั้งคู่รัก เพื่อน แม่-ลูก ซึ่งแต่ละความสัมพันธ์ทำให้เห็นว่าหากเราได้เจอใครสักคนที่ ‘มาจากดาวดวงเดียวกัน’ สามารถเข้าใจกันและกันได้ทุกสิ่งโดยที่ไม่ต้องเอ่ยคำพูดใด ๆ เขาจะยอมรับเราอย่างไร้เงื่อนไข และจะทำให้เรารู้สึกภาคภูมิใจในความเป็นเรา โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร
รับชมได้ที่ : Netflix
Perfect Days
หยุดโลกเหงา ไว้ตรงนี้ (2024)
“วันหลังก็เป็นเรื่องของวันหลัง วันนี้ก็เป็นเรื่องของวันนี้”
ฮิรายามะ เป็นคุณลุงคนทำความสะอาดห้องน้ำที่อาศัยอยู่เพียงลำพังในโตเกียว ชีวิตทุก ๆ วันของเขานั้นแสนเรียบง่าย ตื่นเช้าไปทำงาน อาบน้ำที่โรงอาบน้ำสาธารณะ กินข้าวเงียบ ๆ คนเดียว อ่านหนังสือ และเข้านอน จากนั้นก็เริ่มต้นวันใหม่ด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง
ในบริบทสังคมญี่ปุ่น คนทั่วไปอาจมองว่าชีวิตของฮิรายามะแปลก เพราะทั้งไร้สีสันและโดดเดี่ยว อีกทั้งเขายังเลือกใช้ชีวิตต่างจากค่านิยมในสังคมญี่ปุ่นอย่างสิ้นเชิง เขาไม่แต่งงาน ไม่ทะเยอทะยาน ไม่อยากรวย ทำงานหนักแค่ไหนก็ไม่ได้มองว่าเงินคือสิ่งสำคัญในชีวิต ฮิรายามะยังเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยสนทนากับใคร ไม่ค่อยโกรธใคร มีแต่รอยยิ้มบาง ๆ มอบให้ผู้คนรอบข้างอยู่เสมอก็เท่านั้น
ความสุขของฮิรายามะคือเรื่องง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การได้ตื่นนอนมาทำงาน รดน้ำต้นไม้ อ่านหนังสือที่ชอบ เป็นความสุขแสนเรียบง่ายที่เขาพอใจ ซึ่งในโลกแห่งทุนนิยมที่ทุกคนกำลังแข่งขันเพื่อความสำเร็จกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ฮิรายามะกลับพอใจกับชีวิตที่ค่อยเป็นค่อยไป เขาภาคภูมิใจกับสิ่งที่เป็นอยู่และมีความหมายในการมีชีวิตอยู่ในแบบของตัวเอง
รับชมได้ที่ : Apple TV, Prime Video
แม้ว่าเราจะแตกต่าง แม้ว่าจะมีอดีตที่ไม่สวยงาม แม้จะมีชีวิตที่แสนธรรมดาไม่พิเศษอย่างใคร หรือพบกับความผิดหวัง จนทำให้สูญเสียความมั่นใจไปมากมาย แต่ LIVE TO LIFE เชื่อว่าเราทุกคนต้องมีสักเรื่องหนึ่งที่ถือเป็น ‘ความภาคภูมิใจ’ ในชีวิต สิ่งนั้นไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่หรือดีกว่าใคร และไม่ว่าเรื่องที่ภาคภูมิใจของแต่ละคนจะเป็นแบบไหน เชื่อว่านั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เราค้นพบความหมายของการมีชีวิตอยู่